xs
xsm
sm
md
lg

ACC เตรียมย้ายสู่กลุ่มเทคโนฯ หลังจบดีล RTS พร้อมดันเข้าตลาดหุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น เข้าซื้อหุ้น “อาร์ ที เอส (2003)” ด้วยการเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นให้ ลุยธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมเต็มสูบรับกระแส มั่นใจหลังรวมพลังจะหนุนรายได้จากไอทีโตกระโดด หนุนให้ย้ายเข้ากลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้คาดปี 69 พร้อมตั้งเป้าเข้าคำนวณดัชนี SET100 ปี 71


นายอิทธิ พงศ์อุสรา ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น หรือ ACC เผยว่า ผลประกอบการปีนี้จะเทิร์นอะราวนด์ หลังจากเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญ RTS หรือบริษัท อาร์ ที เอส (2003) จำกัด (มหาชน) แล้วเสร็จ ส่งผลให้ RTS กลายเป็นบริษัทย่อยที่ ACC ถือหุ้น 60% ขณะที่ RTS จะถือหุ้นใน ACC ประมาณเกือบ 20% ซึ่งหลังการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ทำให้ ACC จะเริ่มรับรู้รายได้จาก RTS เข้ามาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 67 เป็นต้นไป

"การเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของ 2 บริษัท และเชื่อมั่นว่าจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดเทคโนโลยีทั้งในและนอกประเทศ ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะธุรกิจพลังงานนั้น adder จะหมดลง แต่ยังมีสัญญาขายไฟเพิ่มเข้ามา ดังนั้นการหันไปเน้นด้านไอทีจะทำให้เราเติบโตได้อย่างมั่นคง” นายอิทธิ กล่าว

นายอิทธิกล่าวอีกว่า ภายหลังจากร่วมมือกับ RTS และเมื่อผลประกอบการเติบโตมั่นคง มีแผน Spin-Off นำ RTS เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งยังเผยว่า ACC ต้องการที่จะเติบโตให้เร็ว ด้วยการซื้อกิจการลักษณะ (M&A) เน้นธุรกิจเทคโนโลยี พลังงานสะอาด Blockchain และ AI ซึ่งปัจจุบันเจรจากันอยู่หลายราย หากในอนาคต เมื่อ ACC มีบริษัทลูกเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ ACC ยกระดับสู่การเป็นโฮลดิ้งคัมปานี ในอนาคต

“RTS เป็นผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้งด้านไอทีและโครงข่ายโทรคมนาคมแบบครบวงจร ลูกค้าส่วนใหญ่คือภาครัฐ และผลประกอบการปี 66 มีรายได้ 600 ล้านบาท และกำไรสุทธิราว 19 ล้านบาท และปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 1,700 ล้านบาท ผมมั่นใจว่าภายหลังการร่วมมือกัน เราจะเกื้อหนุนและเติบโตไปด้วยกัน ขณะที่ผลงานปี 68 คาดจะมีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท จากรับรู้รายได้ RTS เข้ามาเต็มปี ซึ่ง 70-80% เป็นการรับรู้รายได้จาก RTS ที่เหลือจะมาจากธุรกิจเรือธงของบริษัทเอง และจากแผนงานของบริษัทที่เดินแต่ละก้าว เชื่อว่า ACC จะมีศักยภาพและผลงานที่ย้ายเข้าไปเทรดในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้ต้นปี 69 และเราหวังที่จะเห็นหุ้น ACC เข้าคำนวณดัชนี SET100 ในปี 71” นายอิทธิ กล่าว

นอกจากนี้ ACC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ว่าได้มีมติเห็นชอบการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท อาร์ที เอส (2003) จำกัด (RTS) จาก (1) นายณชพล สองทิศ (นายณชพล) 1,060,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.09 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS (2) น.ส.ธีรานันท์ สองทิศ (น ส.ธีรานันท์) 1,060,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.09 ของจำวนหุ้นทั้งหมดของ RTS 3) น.ส.จิตรา สองทิศ (น.ส.จิตรา) 520,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.82 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS (รวมเรียกว่าผู้ขาย) ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัท รวมจำนวนหุ้นที่ซื้อทั้งสิ้น 2,640,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 ในราคาซื้อขายหุ้นละ 100 บาท (หรือราคาพาร์) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS ด้วยมูลค่าการเข้าทำรายการรวมเท่ากับ 264,000,000 บาท (หุ้นสามัญของ RTS)
ทั้งนี้ การกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทนเป็นการเจรจาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยอ้างอิงการประเมินด้วยวิธีการหามูลค่ายุติธรรมตามมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งได้คำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการทำกำไรของกิจการในอนาคต โดยมูลค่ายุติธรรมของ RTS จากการประเมินมูลค่าประมาณ 434.50-479.05 ล้านบาท (สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้นร้อยละ 100) หรือราคาหุ้นละ 98.75-108.88 บาทต่อหุ้น ซึ่งประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัดซึ่งอยู่ในรายชื่อสำนักงาน ก.ล.ต.

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เมื่อพิจารณารายการปรับปรุงรายการหลังวันที่ในงบการเงินจากการที่ RTS ได้มีการเพิ่มทุนจำนวน 340 ล้านบาท ที่ราคาพาร์ (100 บาท/หุ้น) เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567RTS จะมีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 409.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าตามบัญชี (BookValue) เท่ากับ 93.04 บาทต่อหุ้น

โดยบริษัทจะชำระค่าซื้อขายหุ้นสามัญของ RTS เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัทในลักษณะการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ผู้ขายแทนการชำระด้วยเงินสดคิดเป็นมูลค่ารวม 264,000,000 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนหุ้นละ 0.60 บาท ดังนั้น บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระค่าตอบแทนการซื้อหุ้นสามัญของ RTS นี้จำนวนไม่เกิน 440 ล้านหุ้น โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 1 หุ้นของ RTS ที่ราคาพาร์ หรือราคาหุ้นละ 100 บาทต่อหุ้นต่อ 166.6667 หุ้นใหม่ของบริษัท ที่ราคาหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น (เศษของหุ้นให้ปัดทิ้ง) โดยมีรายละเอียดการจัดสรร ดังนี้

(1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวจำนวนไม่เกิน 176,666,667 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่นายณชพล สองทิศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.92 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วของบริษัทหลังจากการออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้) เพื่อชำระค่าตอบแทนการซื้อหุ้นสามัญของ RTS จำนวน 1,060,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.09 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS

(2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวจำนวนไม่เกิน 176,666,667 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นาฝ.ส.ธีรานันท์ สองทิศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.92 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วของบริษัทหลังจากการออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้) เพื่อชำระค่าตอบแทนการซื้อหุ้นสามัญของ RTS จำนวน 1,060,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.09 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS

(3) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวจำนวนไม่เกิน 86,666,666 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ น ส.จิตรา สองทิศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.89 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วของบริษัทหลังจากการออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้) เพื่อชำระค่าตอบแทนการซื้อหุ้นสามัญของ RTS จ นวน 520,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.82 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS

ภายหลังการทำธุรกรรมดังกล่าว บริษัทจะถือหุ้นใน RTS ในสัดส่วนร้อยละ 60.00ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ RTS พร้อมกับอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 221,921,301.75 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม447,685,207.75 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 669,606,509.5 0 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 887,685,207 หุ้ นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential PublicOffering: PPO) 447,685,207 หุ้น เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) 440 ล้านหุ้น

โดยธุรกรรมดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเองบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Public Offering : PPO) และเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อชำระค่าตอบแทนในการซื้อหุ้นสามัญของ RTS ในสัดส่วนร้อยละ 60.00 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด และมีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในRTS โดยคาดว่าจะดำนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4/2567 ทั้งนี้ ภายหลังจากที่เงื่อนไขบังคับก่อน (ConditionsPrecedent) ทั้งหมดได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ หรือได้รับการผ่อนผันหรือสละสิทธิโดยคู่สัญญาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น