ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ขึ้นแบล็กลิสต์บัญชีต้องสงสัยกว่า 105 ล้านบาท บอร์ดแจ้งเอง บริษัทย่อยปล่อยกู้ธุรกิจกลุ่ม "วนาสิน" พบจัดซื้อ แต่ไม่มีการรับมอบสินค้า
นางสาวณัฐธกานต์ จิตติณพัฒน์ เลขานุการบริษัท บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) รายงานการตรวจพบรายการต้องสงสัยโดย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.67 คณะกรรมการตรวจสอบได้รับทราบข้อมูลการทำรายการอันควรสงสัยของบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ (ก) บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด (THB) ซึ่ง THG ถือหุ้น 83.03% และ (ข) บริษัท ที เอช เฮลท์ จำกัด (THH) ซึ่ง THG ถือหุ้น 51.22% ประกอบด้วย
(ก) THB และ THH ให้กู้ยืมเงินแก่บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด (RTD) ซึ่งเป็นบริษัทที่กลุ่มครอบครัววนาสินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเดือนธันวาคมปี 65-ปี 66 จำนวน 6 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวม 145 ล้านบาท
(ข) THB ให้กู้แก่บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมี RTD เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในปี 66 จำนวน 1 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวม 10 ล้านบาท
(ค) THH สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทในสิงคโปร์ แต่ไม่ได้มีการรับมอบสินค้าจริง ในปี 66 จำนวน 2 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวม 55 ล้านบาท
การเข้าทำรายการอันควรสงสัยตามข้างต้น เป็นการดำเนินการโดยฝ่ายบริหารบางส่วนของบริษัทย่อย ซึ่งเป็นการกระทำนอกอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทย่อย ไม่ได้ปฏิบัติตามประกาศเรื่องรายการที่เกี่ยวโยงกันของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ (ก.ล.ต.) และไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัท
ณ ปัจจุบัน ยอดหนี้คงค้างของรายการอันควรสงสัยดังกล่าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 105 ล้านบาท (ไม่นับรวมดอกเบี้ย)
บริษัทได้แจ้งให้ผู้สอบบัญชีของบริษัททราบถึงรายการอันควรสงสัยดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 และบริษัทขอให้ผู้สอบบัญชีให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรายการอันควรสงสัยดังกล่าว โดยบริษัทคาดว่าหากมีผลกระทบจะสามารถเปิดเผยในงบการเงินรวมของไตรมาส 3/67 ที่กำลังจะจัดทำและเปิดเผยให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เริ่มดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์ที่ตรวจพบเพื่อรักษามาตรฐานในการบริหารจัดการ ดังนี้
1.โยกย้ายบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการอันควรสงสัยให้ออกจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องทันที
2.สอบสวนข้อเท็จจริง และอยู่ระหว่างการดำเนินการทางวินัย และ/หรือทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรายการอันควรสงสัยดังกล่าวจนถึงที่สุด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท และผู้ถือหุ้น
3.เน้นย้ำและกำชับให้บุคลากรของบริษัทและบริษัทย่อยปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทย่อยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต และการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทางวินัย และ/หรือทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
4.อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน และความเสี่ยงโดยรวมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การดำเนินธุรกิจ และความเสี่ยงด้านกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถจัดการกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจจ้างที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกตามความเหมาะสมเพื่อให้ความช่วยเหลือในการวางแผนแก้ไขและป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม