"วายุภักษ์"...กองทุนไร้ความเสี่ยง / สุนันท์ ศรีจันทรา

กองทุนรวมวายุภักษ์ กำลังดังเปรี้ยงปร้าง อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเป็นกองทุนที่เป็นอีกทางเลือกของการลงทุน และมีผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำของสถาบันการเงิน

กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จัดตั้งเมื่อปี 2546 และประสบความสำเร็จในการลงทุน โดยสามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนตามที่ให้คำมั่นไว้ ปีละไม่ต่ำกว่า 3% ตลอดระยะเวลา 10 ปี

กองทุนรวมวายุภักษ์ที่จะตั้งใหม่ ถอดรูปแบบมาจากกองทุนวายุภักษ์ โดยวงเงินกองทุนประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท เริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนนักลงทุนประเภท ก. หรือประชาชนทั่วไป วงเงิน 3-5 หมื่นล้านบาท ระหว่างวันที่ 16-20 กันยายนนี้

และขายหน่วยลงทุนประเภท ข. ให้นักลงทุนสถาบันระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน

ประชาชนทั่วไปจะจองซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำ 1,000 หน่วย ในราคาหน่วยละ 10 บาท รวมเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท และซื้อเพิ่มเติมได้ แต่การจัดสรรจะเริ่มเฉลี่ยรายละ 1,000 หน่วยก่อน หากประชาชนจองซื้อหน่วยลงทุนเกินโควตาที่นำมาจัดสรร และจัดสรรเพิ่มเติมเป็นขั้นบันไดครั้งละ 1,000 หน่วย

ภายในระยะเวลา 10 ปี กองทุนวายุภักษ์จะรับประกันผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3% และสูงสุดไม่เกิน 9% ต่อปี โดยจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง และชำระคืนเงินต้นเมื่อลงทุนครบ 10 ปี

เงินของกองทุนวายุภักษ์จะเริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ส่วนหน่วยลงทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 15 ตุลาคม

การก่อกำเนิดของกองทุนวายุภักษ์ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้น โดยผลักดันให้ดัชนีหุ้นทะยานขึ้นกว่า 140 จุด และทำให้นักลงทุนต่างชาติขนเงินกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นคืน หลังจากเทขายหุ้นมานับจากต้นปีจำนวนกว่า 1.2 แสนล้านบาท

กองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้น ไม่ให้เกิดความผันผวนรุนแรง โดยหากราคาหุ้นปรับตัวลงรุนแรง กองทุนวายภักษ์จะเข้ามาช้อนซื้อหุ้น หรือหากนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นอย่างหนัก จะมีแรงซื้อจากองทุนวายุภักษ์เข้ามารับแรงขายต่างชาติ

การออกแบบกองทุนวายุภักษ์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าลงทุน โดยมีการรับประกันเงินต้นไม่หาย และรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี ซึ่งเงินปันผลจะต้องเสียภาษี 10% ไม่มีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ

แต่ผลตอบแทนยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเฉลี่ยจากทุกธนาคาร เงินฝากประจำ 1 ปี กำหนดดอกเบี้ยอัตราประมาณ 1.70% ต่อปี

และแม้ว่าผลตอบแทนจากกองทุนวายุภักษ์ จะต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่ หรือหุ้นกู้บริษัทเจ้าสัวทั้งหลายกำหนดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3% เศษ หรือบริษัทขนาดเล็กอาจกำหนดดอกเบี้ยสูงกว่า 7% แต่การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูงกว่า แม้เป็นหุ้นกู้บริษัทเจ้าสัวก็ตาม

ดังนั้น บริษัทเอกชนที่เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงนี้อาจต้องปรับแผน โดยเลื่อนการเสนอขายหุ้นกู้ออกไป ไม่ให้ชนกับกองทุนวายุภักษ์ที่จะขายหน่วยลงทุนในสัปดาห์หน้า เพราะหู้นกู้อาจขายไม่ออก

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยกลับสู่ช่วงขาลง โดยคาดว่า สหรัฐฯ อาจลดดอกเบี้ย 3 ครั้งภายในปีนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยในประเทศอาจจะลดลง 1 ครั้ง ในอัตรา 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของแบงก์ชาติลดลงเหลือ 2.25% แต่ผลตอบแทนวายุภักษ์ขั่นต่ำสุดจะอยู่ที่ 3% ตลอด 10 ปี

มีเงินออมเหลือๆ ไม่รู้จะเก็บไว้ไหน นำไปฝากไว้ที่กองทุนวายุภักษ์น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในยามนี้