OpenAI พิจารณายกเลิกข้อจำกัดด้านกำไร ซึ่งอาจผลักดันให้บริษัทมีมูลค่าสูงขึ้นทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการระดมทุนรอบที่วางแผนไว้จะทำให้ OpenAI สามารถยกเลิกการจำกัดกำไรได้
จากการรายงานของ Financial Times รายงานเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวภายใน ระบุว่า OpenAI กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจครั้งสำคัญ เนื่องจากเตรียมพร้อมสำหรับรอบการลงทุนใหม่ ที่อาจผลักดันให้มูลค่าบริษัททะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์ได้
โดยแหล่งข่าวแจ้งว่า OpenAI กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง “แสวงหากำไรแบบมีขีดจำกัด” อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งการปรับเปลี่ยนนั้น เพื่อให้เกิดแรงดึงดูดกับนักลงทุนรายใหญ่ได้มากขึ้น อย่างไรก็ดีการพัฒนาดังกล่าวเกิดขึ้น ท่ามกลางรายงานที่ว่า OpenAI อาจเผชิญกับปัญหาทางการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ ในรายงานระบุว่า OpenAI กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ ที่จะยกเลิกการจำกัดผลกำไร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนได้รับผลกำไรโดยไม่มีข้อจำกัด ตามผลงานของบริษัท ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งหวังที่จะดึงดูดผู้สนับสนุนรายใหญ่ โดยเฉพาะ Thrive Capital ซึ่งอาจลงทุนราว 1 พันล้านดอลลาร์ คาดว่าจะเป็นผู้นำในการระดมทุนรอบนี้ ในขณะที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft , Apple และ Nvidia ก็ได้รับการกล่าวถึงว่าอาจเป็นผู้มีส่วนร่วมลงขันด้วยเช่นกัน
หากการประเมินมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นตามที่คาดไว้ Microsoft ซึ่งถือหุ้นส่วนน้อยใน OpenAI อยู่แล้ว ก็อาจได้รับอิทธิพลจากการแนะนำของผู้เล่นรายสำคัญรายอื่นๆ
ปัจจุบัน OpenAI ดำเนินงานเป็นองค์กรแบบผสมผสาน โดยผสมผสานองค์ประกอบทั้งขององค์กรไม่แสวงหากำไรและองค์กรแสวงหากำไรแบบมีข้อจำกัด โดยมีคณะกรรมการบริหารจะกำกับดูแลโครงสร้างแบบคู่ขนานนี้ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับภารกิจขององค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อให้แน่ใจว่าความก้าวหน้าของ AI จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติทั้งหมด
ด้านนักลงทุนในกลุ่มที่แสวงหาผลกำไรซึ่งรวมถึง Microsoft ยังคงต้องเผชิญข้อจำกัดในการรับผลตอบแทนเพื่อป้องกันไม่ให้แรงจูงใจในการแสวงหากำไรมาบดบังการพิจารณาทางจริยธรรม
ความกังวลต่อธรรมาภิบาลของธุรกิจ OpenAI ในอนาคต
หาก OpenAI ตัดสินใจยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ อาจเปิดโอกาสที่สร้างผลกำไรได้มากขึ้นสำหรับนักลงทุน ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความกังวลว่าบริษัทจะยังคงรักษาพันธสัญญาในการบรรลุเป้าหมายตามภารกิจต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Apple และ Nvidia ต่างก็มีความสนใจที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น ทำให้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับระดับอิทธิพลที่บริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ อาจมีต่อทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ OpenAI ทำให้นักวิจารณ์เกรงว่าผลประโยชน์ของนักลงทุน ที่มีอิทธิพลอาจผลักดันให้บริษัทเดินไปสู่เส้นทางที่สนับสนุนวาระขององค์กรมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะ
ในขณะที่ OpenAI เตรียมพร้อมสำหรับการระดมทุนรอบที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผลลัพธ์ของการพิจารณาเหล่านี้อาจกำหนดอนาคตของบริษัท และกำหนดความสามารถในการรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างการสร้างผลกำไรจำนวนมากและการยึดมั่นในหลักการก่อตั้งของบริษัท
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้เหล่านี้ต่อฝ่ายไม่แสวงหากำไรของ OpenAI ยังคงไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับความสามารถของคณะกรรมการใน การสร้างความมั่นใจให้กับทั้งนักลงทุนและผู้ถือผลประโยชน์ว่าบริษัทสามารถแสวงหาผลกำไรได้โดยไม่กระทบต่อภารกิจที่กว้างขึ้นหรือความปลอดภัยของ AI
นอกจากนี้ ยังมีบางคนแสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบริษัทอาจทำลายความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อ OpenAI ซึ่งสร้างชื่อเสียงจากความมุ่งมั่นต่อ AI ที่ถูกต้องตามจริยธรรม และการรับรู้ใดๆ ที่มองว่าบริษัทให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าผู้คน อาจทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับเจตนาและความปลอดภัยของเทคโนโลยีของบริษัท
