บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาและผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เผยเศรษฐกิจครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ช่วยหนุนมูลค่างานแบ็กล็อก (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน) ของบลูบิคสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) ซึ่งจำนวนนี้มาจากบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือ 905 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน 472 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ของบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือมากกว่า 506 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน 330 ล้านบาทในปีนี้ และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2568-2572 หนุนให้ผลประกอบการ 2H/67 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทำนิวไฮโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 8
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK เปิดเผยว่า บริษัทประเมินผลประกอบการในครึ่งปีหลังของบลูบิคจะฟื้นตัวและเติบโตไม่น้อยกว่า 15% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากกระแสการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน หรือแผนงานที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัลยังอยู่ในความต้องการของภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทั้งในส่วนของบริษัทแม่และบริษัทในเครือเต็มปี และการบริหารจัดการภายในเพื่อลดต้นทุน รวมถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจที่บริษัทลงทุนไปก่อนหน้านี้ เช่น บริษัทร่วมทุน ซอส สกิลส์ หนุนให้ภาพรวมของผลประกอบการปี 2567 สามารถทำนิวไฮต่อเนื่องได้อีกครั้ง
“เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดคลื่นเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น AI ที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมการทำธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันกระแส AI Transformation ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ด้วยเหตุนี้การเปลี่ยนผ่านและปรับใช้เทคโนโลยีของภาคธุรกิจจึงอยู่ในกระแสความต้องการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีการพัฒนาและทำให้ต้นทุนลดลงได้ ยิ่งเร่งให้การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีขยายตัวมากขึ้น ดังนั้นความท้าทายของบลูบิคในฐานะบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่มีจำนวนบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Tech Talents) มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ คือ การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการรับงานให้สอดกับความแนวโน้มและต้องการดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ เราจึงเร่งผสานความร่วมมือและปรับแผนการดำเนินงานกับบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัท บลูบิค วัลแคน และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งมอบงานให้ลูกค้าและรองรับการขยายตัวของบลูบิคในอนาคต” นายพชร กล่าวเพิ่มเติม
โดยแผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทตั้งเป้าปรับ Utilization Rate ของพนักงานบริษัทในเครือจาก 50% เป็น 55-60% พร้อมเพิ่มจำนวนผู้บริหารประสบการณ์สูงในหลายตำแหน่ง เช่น ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO) และประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (CCO) เพื่อเสริมแกร่งกระบวนการทำงาน รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการทำ Cross-Selling, Up-Selling ขยายการให้บริการและผลิตภัณฑ์ผ่านฐานลูกค้าของบริษัทในเครือ และเริ่มดำเนินการแผน Cross Resource เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดและลดต้นทุนการบริหารจัดการที่ไม่จำเป็น ซึ่งแผนงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการต้นทุนและเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวของบริษัท ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ที่มีความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสูง
ในส่วนตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ประกอบไปด้วยเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้มีลูกค้าที่พร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก รวมถึงมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ภาคธุรกิจกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ บลูบิคยังมองเห็นโอกาสในการขยายสัดส่วนลูกค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากภาคเอกชน โดยพบว่ากลุ่มลูกค้าภาครัฐมีความต้องการพัฒนาระบบที่ซับซ้อนและสามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรุกตลาดนี้อย่างจริงจัง
สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกประจำปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีรายได้อยู่ที่ 708 ล้านบาท โต 17% (YoY) และในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2567 กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 43 ล้านบาท ลดลง 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) และมีรายได้ 339 ล้านบาท ลดลง 8% ซึ่งการปรับตัวลงของผลประกอบการเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ เกิดจากความกังวลของภาคธุรกิจที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากภาครัฐชะลอการเบิกจ่ายงบประมาณตั้งแต่ปี 2566-2567 ทำให้ลูกค้าเลื่อนการพิจารณาการประมูลงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแผนงานที่เกี่ยวกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้าได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้ว
**‘ดึง ‘สันติธาร เสถียรไทย’ นั่งบอร์ด เสริมแกร่ง**
พร้อมกันนั้น ประกาศแต่งตั้งนายสันติธาร เสถียรไทย เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการอิสระ เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งให้ทีมบริหาร โดยนายสันติธาร มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาคและดิจิทัล ครอบคลุมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะช่วยเสริมทัพในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ และยกระดับศักยภาพการแข่งขันของบลูบิคให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในฐานะคอนซัลต์ชั้นนำระดับโลกแบบครบวงจร
องค์ความรู้และประสบการณ์ของ ดร.สันติธาร ทั้งจากภาคเศรษฐกิจ การเงิน และเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ จะเข้ามาช่วยสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ให้บลูบิค รวมถึงสนับสนุนวิสัยทัศน์ของบริษัทให้สามารถขับเคลื่อนการยกระดับเทคโนโลยีและผลักดันนวัตกรรมให้องค์กรธุรกิจ ผ่านบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาทางด้านกลยุทธ์ (Management Consulting) การให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Excellence and Delivery) การพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ (Big Data and Artificial Intelligence) การให้คำปรึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรชั้นนำขนาดใหญ่จากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก