xs
xsm
sm
md
lg

บลูบิคกางแผนธุรกิจปี 67 ลุยตลาดเวียดนาม-รับเศรษฐกิจไทยต้องระวัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พชร อารยะการกุล
บลูบิค (BBIK) รับปีนี้เศรษฐกิจไทยต้องระวังเป็นพิเศษ อาจอยู่ในภาวะที่ไม่แข็งแรงมากแต่มั่นใจบริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจรยังโตต่อเนื่อง กางแผนธุรกิจปี 67 ลุยตลาดเวียดนามคู่กับการประสานซินเนอร์ยีทุกบริษัทในเครือ ภูมิใจปี 66 ทุบสถิติกำไรนิวไฮ แย้มข่าวดีเตรียมจ่ายปันผล 0.80 บาท/หุ้น ภายใน พ.ค.67

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า แม้ปี 2567 จะมีภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่ความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโต เพราะการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต้องทำอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การทำธุรกิจ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ในระยะยาว จุดนี้บริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดรับกับการพิจารณาใช้งบประมาณที่เคร่งครัดมากขึ้นของลูกค้า และในขณะเดียวกัน สามารถสร้างการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยเช่นกัน

"การลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโต 10% หรือราว 2.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ แต่ประเทศไทยอาจเติบโต 11-13% ต้องไปดูบางเซกเมนต์ เรามองว่ามีโอกาสเติบโตมากกว่าที่คาด เพราะเซอร์วิสของเราสามารถสร้างดีมานด์ขึ้นมาได้ และธุรกิจที่ปรึกษาต้องหานวัตกรรมเพื่อกระตุ้นธุรกิจให้ลูกค้า ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการปี 2567 จะยังขยายตัวต่อเนื่อง

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ถือเป็นบริษัทที่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร สำหรับปี 2567 บลูบิควางแผนขยายฐานลูกค้าแบบ 360 องศา ครอบคลุมลูกค้าขนาดกลาง-ใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน จะใช้แผน Synergy การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทในเครือให้มากขึ้น

ในอีกด้าน บลูบิคระบุว่าจะปักหมุดรุกตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คู่กับการใช้ประโยชน์จากบริษัทในเครือเพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม คาดว่าจะทำให้เกิดรายได้มากกว่าผลประกอบการปี 2566 ซึ่งเติบโตกว่าเป้าหมายที่วางไว้


เฉพาะปี 2566 บลูบิคมีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท โตขึ้น 133% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จุดนี้บลูบิคย้ำว่าเป็นผลมาจากความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนผ่านการเติบโตในส่วนงานด้านบริการที่ปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลและพัฒนาเทคโนโลยีภายในองค์กร (Digital Excellence & Delivery) และบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Big Data & Advanced Analytics) รวมถึงความสำเร็จในการดำเนินแผนยุทธศาสตร์การสร้าง Synergy ระหว่างบริษัทในเครือ ที่ทำให้บริษัทสามารถรับงานได้มากขึ้น

หากเจาะเฉพาะผลประกอบการไตรมาส 4 ประจำปี 2566 บลูบิคมีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ และมีรายได้ 372 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% สำหรับ Backlog ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 มีมูลค่าราว 863 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากบลูบิค 709 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุนอีก 154 ล้านบาท โดยในส่วนของบลูบิคเตรียมรับรู้รายได้ในปีนี้ 579 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้หลังจากปี 2567 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 67

ในขณะที่บริษัทสามารถทำอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 80% นับตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2566 บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการปี 2567 จะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพเช่นที่ผ่านมา และทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ซึ่งเป็นผลมาจากอีโคซิสเต็มด้านบริการที่แข็งแกร่ง และแผนการลงทุนในธุรกิจที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันของบริษัทย่อยในเครือ โดย 1 ใน 6 ปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบลูบิค คือแผนบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยในเครือ เพื่อขยายการให้บริการพร้อมผลิตภัณฑ์ผ่านฐานลูกค้าของแต่ละบริษัทในเครือ

ปัจจัยที่ 2 คือแผนการเพิ่มรายได้ รวมถึงการมองหาดีลควบรวมกิจการใหม่เพื่อเสริมแกร่งและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของบริษัทย่อย ปัจจัยที่ 3 คือแผนขยายตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นเจาะตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตต่อเนื่อง

ปัจจัยที่ 4 คือแผนต่อยอดการเติบโตของบริการหลักจากเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ทั้งเทรนด์การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบยืดหยุ่นสูง เทรนด์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้าน Generative AI และเทรนด์การโจมตีทางด้านไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้นจนสร้างความเสียหายให้ธุรกิจ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 70% ทั่วโลก ระหว่างปี 2566-2571

ปัจจัยที่ 5 คือปัจจัยบวกจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มปีเพิ่มเติม จากบริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (BBVC) และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ (Innoviz) ที่คาดว่าจะได้รับอนุมัติในครึ่งปีหลังของปีนี้ และปัจจัยที่ 6 คือส่วนแบ่งกำไรปี 2567 ที่จะเพิ่มขึ้นจากการถือครองหุ้นเพิ่มใน Innoviz จากเดิม 55% (ณ สิ้นปี 2566) เป็น 85% โดยกระบวนการซื้อขายหุ้นเพิ่มคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น