บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษา-ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิแตะ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่รายได้สูงถึง 941 ล้านบาท โต 122% YoY สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว เป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการหลักและแผนยุทธศาสตร์สร้าง Synergy ระหว่างบริษัทในเครือให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่หนุนให้กำไรในไตรมาส 3 ปี 2566 ปรับตัวสูงเป็นประวัติการณ์
ส่วนไตรมาส 3 ประจำปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เป็นผลจากการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงที่ 53% การควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 4% และสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับรายได้ประจำงวดอยู่ที่ 335 ล้านบาท และยังมีงานต่างประเทศที่รอรับรู้รายได้จากไตรมาส 3 ไปไตรมาส 4 อีกด้วย โดยมูลค่างาน Backlog (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566) อยู่ที่ 805 ล้านบาท แบ่งออกเป็นส่วนของบลูบิค 692 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน 113 ล้านบาท เป็นส่วนที่เตรียมรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 นี้จากส่วนของบลูบิคมากกว่า 291 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุนอีก 113 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2571 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าเป็นตัวหนุนให้ผลประกอบการทั้งปี 2566 โตเกินเป้า 120% ที่เคยวางไว้
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า ความต้องการลงทุนด้านเทคโนโลยีของภาคธุรกิจยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพราะองค์กรจำเป็นต้องรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังเห็นโอกาสสร้างความแข็งแกร่งให้รายได้จากศักยภาพและความเชี่ยวชาญของบริษัท ด้วยแผนที่อาจเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น White Label Platform บริการด้าน ERP Implementation และบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่ครอบคลุมมากขึ้น ตั้งแต่การป้องกันจนถึงการรับมือกับเหตุการณ์ภัยคุกคาม เป็นต้น
ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบลูบิคยังคงสดใสต่อเนื่องในปี 2567 เป็นผลจากจุดแข็งด้านบริการครบวงจรที่ครอบคลุมความต้องการของภาคธุรกิจที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และการรุกขยายตลาดที่มีศักยภาพในต่างประเทศ อย่างอุตสาหกรรมการเงินของประเทศเวียดนาม ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตจากดิจิทัลดิสรัปชัน รวมถึงประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซียที่มีความตื่นตัวด้านการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน โดยบริการหลักที่พร้อมตอบโจทย์ตลาดเหล่านี้ ได้แก่ บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) และบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity)
รวมถึงยังมีปัจจัยบวกอื่น เช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเต็มปีของบริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด ที่ได้รับอนุมัติในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีของบริษัท วัลแคน เดลิเวอรี่ จำกัด (VDD) ที่คาดว่าจะเพิ่มเติมเข้ามาในไตรมาส 4 ผนวกกับการเปิดดำเนินงานเต็มรูปแบบของสองบริษัทร่วมทุน ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ซอส สกิลส์ จำกัด (Sauce Skills) ธุรกิจด้าน Corporate Training ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง และบริษัท อีโคเอ็กซ์ จำกัด (EcoX) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและ Green Tech ที่เตรียมเดินหน้าเต็มสูบในปีหน้า