หุ้นไทยปิดร่วง -9.67 จุด นักวิเคราะห์เผยหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นโลก หลัง PMI ทั้งจีนและสหรัฐฯ อ่อนแอแม้หนุนเฟดลดดอกเบี้ย อีกทั้งยังมีแรงขายทำกำไรออกมากดดัน มองกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,307 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,324 จุด แนะจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร-อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในคืนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า หากออกมาไม่ดีอาจเร่งเฟดลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งใน ธ.ค.
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 2 ส.ค.2567 ปรับตัวลดลง -9.67 จุด หรือ -0.73% โดยปิดตลาดที่ 1,313.08 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,702.66 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,318.26 จุด ในทิศทางตรงกันข้าม ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,310.52 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 122 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 169 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 350 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,448.80 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,842.57 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -377.91 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -228.32 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,077.32 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,828.76 ล้านบาท ปิดที่ 238.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
3.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,785.40 ล้านบาท ปิดที่ 101.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
4.INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,189.99 ล้านบาท ปิดที่ 82.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 958.17 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 238.00บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 2.15%
2.BCP ปิดที่ 34.75บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.73%
3.MTC ปิดที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.05%
4.INTUCH ปิดที่ 82.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.22%
5.SAPPE ปิดที่ 92.50บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 0.82%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 217.00บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.36%
2.DELTA ปิดที่ 101.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.42%
3.SAWAD ปิดที่ 31.25บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 6.02%
4.BBL ปิดที่ 134.50บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.47%
5.PTTGC ปิดที่ 25.75บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 6.36%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,801.53 จุด ลดลง -13.53 จุด หรือ -0.75% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 827.63 จุด ลดลง -5.19 จุด หรือ -0.62% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 322.56 จุด ลดลง -5.47 จุด หรือ -1.67%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังตัวเลขภาคการผลิต (PMI) ในเดือน ก.ค.ทั้งของจีนและสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ สูงกว่าคาด หนุนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ย แต่ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นแรงมาแล้วก่อนหน้าจึงมีแรงขายทำกำไรออกมากดดัน
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ลงลึก 5.8% หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่า ส่วนตลาดหุ้นไทยลงน้อยเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค เพราะบ้านเราไม่ค่อยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
"แนวโน้มสัปดาห์หน้า จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศคืนนี้ โดยหากอัตราการว่างงานสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.1% จะยิ่งเร่งให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค.เพิ่มจากคาดปรับลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือน ก.ย. ซึ่งทิศทางตลาดหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นทั่วโลก ให้แนวรับ 1,307 จุด แนวต้าน 1,324 จุด" นายศราวุธ กล่าว