หุ้นไทยปิดร่วงแรง -14.17 จุด นักวิเคราะห์เผย SET INDEX ปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซีย หลังอัตราแลกเปลี่ยนดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หรือ Bond yield อายุ 10 ปีพุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิด sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้น มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,325-1,330 จุด และแนวรับ 1,305-1,310 จุด แนะจับตาความชัดเจนปัจจัยการเมือง และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 10 มิ.ย. 2567 ปรับตัวลดลง -14.17 จุด หรือ -1.06% โดยปิดตลาดที่ 1,318.57 จุด มูลค่าซื้อขาย 38,324.69 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวลงเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,329.81 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,313.26 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 98 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 115 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 448 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,612.80 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -300.55 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,743.39 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +169.96 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 2,124.07 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,692.65 ล้านบาท ปิดที่ 4.84 บาท ลดลง 0.31 บาท
3.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,575.54 ล้านบาท ปิดที่ 209.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,341.17 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 911.22 ล้านบาท ปิดที่ 135.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่135.50บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.50%
2.INTUCH ปิดที่72.50บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.40%
3.CKปิดที่21.10บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 2.93%
4.ITC ปิดที่23.50บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.29%
5.MEGA ปิดที่38.50บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.65%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่144.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 2.03%
2.SAPPE ปิดที่103.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.36%
3.EA ปิดที่20.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 6.98%
4.TOP ปิดที่50.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.90%
5.EGCO ปิดที่101.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.46%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,791.34 จุด ลดลง -18.72 จุด หรือ -1.03% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 811.63 จุด ลดลง -8.22 จุด หรือ -1.00% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 363.37 จุด ลดลง -4.71 จุด หรือ -1.28%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นจีนและฮ่องกงที่ปิดทำการ โดยปัจจัยกดดันมาจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน พ.ค.ของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond yield) 10 ปีดีดขึ้น และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ส่งผลให้เกิด sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเราวันนี้รับแรงขายหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลักกดดัชนีย่อตัวลง ประกอบกับยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังรอความชัดเจนออกมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามากดดันต่อตลาดหุ้นไทย แต่ในช่วงบ่ายตลาดดีดกลับมาได้บ้าง โดยเฉพาะจากจุดนิวโลว์ในรอบ 4 ปีในช่วงเช้า
"แนวโน้มพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ได้ในระยะสั้นหลังจากลงไปค่อนข้างมากแล้ว แต่ยังต้องรอความชัดเจนปัจจัยการเมือง และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทย ให้แนวต้าน 1,325-1,330 จุด แนวรับ 1,305-1,310 จุด" นายชัยพร กล่าวทิ้งท้าย