น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน นักลงทุนยังจับตาประเด็นการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. และนัดวินิจฉัยคดีนายกฯ เศรษฐาในวันที่ 14 ส.ค. ประกอบกับยังติดตามการประกาศงบในไตรมาส 2/67 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง จึงมองกรอบดัชนีที่ระดับ 1,280-1,330 จุด
อีกทั้งประเด็นความเสี่ยงจากความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์จากการที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำของอิสราเอล มีถ้อยแถลงอันร้อนแรงต่อสภาคองเกรส โดยเรียกร้องสหรัฐฯ ให้รีบส่งอาวุธสนับสนุนอิสราเอลสู้รบกับกลุ่มฮามาส
รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศอ่อนแอ โดยสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 235,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237,000 ราย ขณะที่ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่าเดือน มิ.ย.67 จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ 116,289 คัน ลดลง 20.11%YoY และลดลง 7.82%MoM จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ลดลงถึง 43.08%
ปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องจับตาต่อได้แก่ วันนี้ (31 ก.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม วันที่ 7 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล วันที่ 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และเป็นกำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินรายไตรมาสของบริษัทจดทะเบียน
ด้านสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตา ได้แก่ วันที่ 30-31 ก.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ทราบผลมติที่ประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเช้าวันที่ 1 ส.ค. วันที่ 31 ก.ค. สหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ค. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 1 ส.ค. การรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของญี่ปุ่น จีน อียู และสหรัฐฯ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย ส่วนสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือน ก.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.ค. และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน มิ.ย. วันที่ 2 ส.ค. สหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน มิ.ย.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดว่าได้รับประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยหุ้นใน SET ที่คาดว่าได้อานิสงส์ ได้แก่ CPALL, BJC, DOHOME, GLOBAL และ HMPRO ส่วนหุ้นใน mai ที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ TNP และ KK
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ยังคงแนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ดัชนีราคาบ้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตำแหน่งงานเปิดใหม่โดยยอดการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนีภาคการผลิต ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ดัชนีภาคการผลิตขั้นสุดท้าย ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และอัตราว่างงาน เพื่อหาสัญญาณทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ
โดยเฉพาะข่าวผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ และจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือน ก.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำ จึงมองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ไว้ที่ 2,330-2,440 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แนะนำหากหลุดแนวรับให้ชะลอการลงทุน