บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน Sideway ออกข้างขาดปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไร้เสถียรภาพ จับตาโหวตนายกฯ รอบ 2 วันที่ 19 ก.ค.นี้ และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 25-26 ก.ค.นี้แนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% จึงให้กรอบดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) 1,500-1,540 จุด แนะ 4 หุ้นเด่นได้ประโยชน์ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ได้แก่ PTTEP PTT BCP ESSO
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด และนักลงทุนยังติดตามการเมืองในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. ขณะที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพบว่าในอีก 3 เดือน คนไทยเห็นการเมืองไทยไร้เสถียรภาพอยู่ในระดับแย่ จับตา "พิธา" ไม่ได้เป็นนายกฯ จะเกิดประท้วงรุนแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติหาย 7-9 ล้านคน รายได้หด 5 แสนล้านบาท ฉุดเศรษฐกิจไทยปีนี้ลดลง 1% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น พยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงคาดการการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ในกรอบ 1,500-1,540 จุด
ปัจจัยในประเทศที่ต้องจับตา เช่น วันที่ 12-21 ก.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวดครึ่งปีแรกของปี 66 วันที่ 19 ก.ค.การประชุมสภา โหวตเลือกนายกฯ รอบสอง และวันเดียวกันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าจะรับวินิจฉัยคำร้องสถานะ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลสิ้นสุดลงหรือไม่
สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และสัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค และวันที่ 31 ก.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตา 18 ก.ค. สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน พ.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ค. เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ วันที่ 19 ก.ค. อียูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือน มิ.ย. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันที่ 20 ก.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.จาก Conference Board และวันที่ 25-26 ก.ค. ประชุมเฟดรู้ผลเช้าวันที่ 27 โดย FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 9% เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% และให้น้ำหนักเพียง 3.9% ทั้งนี้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนใน 4 หุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ได้แก่ PTTEP PTT BCP ESSO
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมทองคำสัปดาห์นี้ว่าราคาทองคำอาจแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,935-1,970 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และอาจเผชิญแรงเทขายทำกำไรจากปัจจัยทางเทคนิคเข้าสู่ภาวะ Overbought ส่วนสัปดาห์นี้ตลาดจับตาประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกและยอดผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังเบรกแนวต้าน 1,950 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.09 แสนคน และ 3.0% ทำให้เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องและภาคแรงงานชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายมากขึ้นสะท้อนผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงจากระดับ 4.00% เหลือ 3.77% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ปรับลงหลุดระดับ 100 โดยดอลลาร์ อ่อนค่าหนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือ 1,950 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ SPDR เทขาย -3.2 ตัน