น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสแกว่งตัว Sideway โดยมีความหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ๆ พร้อมทั้งยังคงจับตาการเปิดเผยข้อมูล CPI และ PPI ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้เพื่อประเมินท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เพื่อกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนแสดงความเห็นว่าเงินเฟ้อยังสูง จึงยังไม่ควรลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ที่ 1,360-1,385 จุด
ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามวันที่ 13-14 พ.ค.นี้ ประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 3/2567 ณ จังหวัดเพชรบุรี วันที่ 15 พ.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและกำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินงวดไตรมาส 1/2567
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ วันที่ 14 พ.ค. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน พ.ค. สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือน เม.ย.และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน เม.ย. วันที่ 15 พ.ค. สหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย.ดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ค. ยอดค้าปลีกเดือน เม.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน พ.ค. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 16 พ.ค. สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน เม.ย. วันที่ 20 พ.ค. สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP 1Q67
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณดัชนี SET50 ที่จะประกาศกลางเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะใช้ข้อมูลจนถึงกลางเดือน พ.ค.ประกอบการพิจารณา โดยการเข้าคำนวณจะมีผลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.67 โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณ ได้แก่ BCP, BJC, ITC, TIDLOR
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินว่า แนวโน้มราคาทองคำได้ตอบรับปัจจัยบวกจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 22,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 4.45% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ ด้วยเหตุผลว่าการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้นแตะที่ 105.3 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุดนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและตลาดที่อยู่อาศัยมีความแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำตอบรับข่าวสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอลไปแล้วทำให้ราคาทองคำกลับเคลื่อนไหวสวนทางเงินดอลลาร์ ขณะที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ เราแนะนำให้ติดตามการรายงานดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ หากออกมาปรับตัวลงตามคาดจะเป็นบวกต่อราคาทองคำ แนะนำเก็งกำไรในกรอบ 2,330-2,380 เหรียญ/ออนซ์