ตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวน SP หุ้น “พลังงานบริสุทธิ์” หลังแจงข้อมูล ฐานะการเงิน และภาระหนี้สินเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระไม่ชัดเจน ด้าน EA ดึง “สมใจนึก เองตระกูล” นั่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หลังเกิดปัญหาและผู้บริหารลาออก พร้อมเดินหน้าบริหารงานต่อ ยืนยันออกหุ้นกู้ชุดใหม่ปลายเดือนนี้ เพื่อนำเงินมาใช้คืนหุ้นกู้ 2 ชุดที่ครบกำหนดเดือนหน้า เผยเงินครบพร้อมจ่ายหนี้คืน แจงแบงก์เสนอความช่วยเหลือแล้ว โบรกฯ ประเมินมีแนวโน้มขายไม่หมด เหตุนักลงทุนกังวลและขาดความเชื่อมั่น ด้าน ตลท.แขวน H ก่อนจะขึ้นป้าย SP หุ้น EA
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศขึ้นเครื่องหมาย "SP" หลักทรัพย์ของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน ) หรือ EA เนื่องจากบริษัทยังไม่สามารถชี้แจงข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ชี้แจงเพิ่มเติม หลังจากช่วงเช้าแขวนป้าย H หุ้น EA
เนื่องจากช่วงเช้า ตลท. ขึ้น "H" หลักทรัพย์ของ EA และให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับผลกระทบฐานะการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สินโดยเฉพาะเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2587 และแนวทางที่ชัดเจนในการชำระหนี้ดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการของบริษัท
สืบเนื่องจากกรณีสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของ EA กับพวกซึ่งร่วมกระทำการทุจริต ทำให้ EA และบริษัทย่อยเสียหาย โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงิน การบริหารกิจการ รวมทั้งการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของ EA
***ดึง “สมใจนึก เองตระกูล” นั่ง CEO ***
นายสมใจนึก เองตระกูล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า EA ปรับทีมงานใหม่ หลังจากที่นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ประกาศลาออกจากการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทเพื่อความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้เกิดการตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ พร้อมแต่งตั้งกรรมการบริษัทเพิ่มคือ นายชัชวาล เจียรวนนท์ นายวสุ กลมเกลี้ยง และนายฉัตรพล ศรีประทุม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2567 เป็นต้นไป และยังมีมติเห็นชอบเพื่อเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการ และพิจารณาแต่งตั้ง นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นกรรมการใหม่ของบริษัท
นายวสุ กลมเกลี้ยง กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน EA กล่าวว่า การขายหุ้นกู้ลอตใหม่ 2 รุ่น ปลายเดือน ก.ค.2567 เพื่อจะระดมเงินทุนมาชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ใกล้จะครบกำหนดปีนี้รวม 5,500 ล้านบาทนั้น เบื้องต้น บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว และคงเดินหน้าเปิดการจองซื้อตามแผนและหากขายไม่หมดหรือขายไม่ได้เลยจากความวิตกกังวลเรื่องความเชื่อมั่น ทาง EA ได้รับการยืนยันจากธนาคารแล้วว่าจะช่วยสนับสนุนเงินกู้ในส่วนที่ขาดได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนั้น EA ยังมีกระแสเงินสด (Cash Flow) จากรายรับจากค่าไฟฟ้าเดือนละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมูลหนี้หุ้นกู้ที่ครบไถ่ถอนในปีนี้รวม 5,500 ล้านบาท ใช้เวลาเพียง 5 เดือน ก็สามารถชำระคืนได้ จึงไม่น่าเป็นกังวล
ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยถึงตัวเลขหุ้นกู้ EA ซึ่งจะครบกำหนดเดือน ส.ค.นี้จำนวน 1,500 ล้านบาท และเดือน ก.ย.2567 ครบชำระอีก 4,000 ล้านบาท จากมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกทั้งหมด 31,000 ล้านบาท และรุ่นสุดท้ายจะครบกำหนดในปี 2576
ขณะที่ ทริสเรทติ้ง ได้ลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5.5 พันล้านบาทของ EA ที่ระดับ "BBB+"จาก "A-" ซึ่งเป้าหมายของการออกหุ้นกู้นี้เพื่อนำไปใช้ในการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แน่นอนว่าหุ้นกู้ 2 ชุดที่จะออกใหม่นี้อาจสะดุด เพราะปัญหาของ EA ที่เกิดขึ้นมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก เพราะหลังจากเกิดกรณีของ STARK ทำให้นักลงทุนวิตกกังวล
** หุ้นกู้ชุดใหม่อาจขายไม่หมด **
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนมาก เพราะก่อนหน้านั้น EA มีภาพลักษณ์ที่ดี แต่การที่ผู้บริหารถูกกล่าวโทษและตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวนป้าย H และ SP นักลงทุนรายย่อยโอดครวญ
ส่วนหุ้นกู้ EA ที่ครบดีลเดือน ส.ค.นี้มีโอกาสที่จะจ่ายหนี้ได้ไม่ครบตามกำหนด แม้ผู้บริหารบอกว่าสภาพคล่องการจ่ายชำระ แต่รายได้ที่มีเข้ามาเดือนละหนึ่งพันล้านไม่สามารถครบเต็มจำนวนได้ และนั่นจะส่งผลต่อหุ้นกู้ชุดใหม่ที่กำลังจะออกขายปลายเดือน ก.ค.นี้แน่นอน
“หากจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน สิ่งที่ EA จะทำได้คือต้องชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบดีลทีเดียวทั้งจำนวน เชื่อว่าน่าจะทำให้นักลงทุนใจชื้นขึ้นมาได้ เพราะปัญหาของหุ้นกู้ของ บจ.มีต่อเนื่องมา ตั้งแต่ EARTH และ JKN มาถึง STARK หลายตัวมาก รวมทั้งมาตรฐานของหุ้นที่ถูกคัดเข้าไปกลุ่ม ESG”
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า หลังจาก สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร EA นับว่าส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ EA เพราะจะทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อทั้งสภาพคล่องของบริษัท การคืนหนี้ที่จะครบกำหนดปีนี้ ซึ่งจะสร้างความผันผวนต่อตลาดตราสารหนี้รวมถึงหุ้นกู้ แต่มองว่ากรณีของ EA ต่างจาก STARK เพราะเป็นความผิดส่วนบุคคล
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของ EA ถือว่าเป็นจังหวะของรอยต่อที่ไม่ดีนัก เพราะ EA อยู่ในช่วงที่กำลังจะขายหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อนำมารีไฟแนนซ์ชุดเก่า เมื่อมีปัญหาขึ้นย่อมเกิดความกังวลตามมา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนทั้งในหุ้น EA รวมไปถึงหุ้นกู้ด้วย แม้ผู้บริหารจะออกมายืนยันว่ามีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระคืนหนี้จะครบกำหนดไถ่ถอน แต่เงินสดที่มีนั้นเพียงพอ แต่ข่าวที่เกิดขึ้น เชื่อว่ากระทบต่อหุ้นกู้ที่เปิดขายปลายเดือนนี้
ทั้งนี้ ตามแผนงานของ EA นั้น เตรียมจะเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท คาดเปิดให้จองซื้อ 23-25 กรกฎาคม 2567 นี้ หากเกิดสะดุดหรือขายได้ตามแผนนั่นคือความเสี่ยงต่อการระดมเงินเพื่อนำใช้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปี 67 ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระถูก Default และกระทบไปยังหุ้นกู้ที่เหลือของ EA ถูก Call Default ตาม และแม้ทางผู้บริหารชุดใหม่ของ EA ออกมายืนยันว่าภาระหนี้สินของบริษัทที่จะครบกำหนดชำระในไตรมาสที่ 3 และ 4 ปีนี้หนี้จากสถาบันการเงิน 3,200 ล้านบาท และหุ้นกู้ 5,500 ล้านบาทนั้นสามารถชำระได้ด้วยกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 5,000 ล้านบาท (หัก Adder ของโครงการที่ครบกำหนดแล้ว) และเตรียมวงเงินสำรองจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายเพิ่ม
ทว่า สิ่งที่น่าสนใจคือกระแสเงินสดที่มาจากการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าเดือนละ 1,000 ล้านบาท นั่นหมายถึงต้องใช้เวลาจ่ายชำระถึง 5 เดือนและต้องบวกดอกเบี้ย ดังนั้น EA จ่ายงวดเดียวทั้งก้อนจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ หากเป็นการทยอยจ่าย นั่นก็เปรียบเสมือนการเบี้ยวหนี้คือไม่ตรงตามกำหนดเวลาจึงเท่ากับสภาพคล่องไม่ได้มีอย่างที่เข้าใจ
เพราะผลการดำเนินงานไตรมาสแรก EA ผิดคาด เพราะโรงไฟฟ้าที่สัมปทานหมด Adder รายได้ทยอยลดลง ทำให้กำไรสุทธิมีเพียง 888 ล้านบาท ลดจากปีก่อนที่มีกำไร 2,600 ล้านบาท อีกทั้งจากบริษัทลูก NEX ที่มีโมเดลธุรกิจเชื่อมโยงกันจากธุรกิจ EV เจอโรคเลื่อนทำให้ยอดขายสะดุดตลอดมา รถแท็กซี่ไฟฟ้าดีลจองล่ม ดีลรถเมล์เลื่อนระยะเวลาส่งมอบตามความไม่ชัดเจนของภาครัฐ ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงซัปพลายล้น การกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ และจีน คือผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่ม EA