ฟู้ดโมเม้นท์ เคาะราคาขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO)ที่ 5.40บาท/หุ้นจำนวนเสนอขาย 376ล้านหุ้นเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15 - 17กรกฎาคมคาดเข้าเทรดใน SETวันที่25กรกฎาคมนี้ฟากที่ปรึกษาทางการเงินบริษัทออพท์เอเชียแคปิตอลจำกัดและแกนนำอันเดอร์ไรท์ระบุเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานซึ่งจากการโรดโชว์นักลงทุนสถาบันในประเทศให้การตอบรับดีเยี่ยม ขณะผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมใจLock Up 100%สร้างความเชื่อมั่น ด้านซีอีโอเตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจพร้อมลุยโปรเจคใหม่ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตยั่งยืน
วันที่ 12กรกฎาคม 2567บริษัทฟู้ดโมเม้นท์จำกัด (มหาชน) (FM)ได้ลงนามแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์
ทิสโก้จำกัดและบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญร่วมพร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 4แห่งประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย)จำกัด,บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีจำกัด(มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้จำกัด
นายณัฐพลดุษฎีโหนดประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฟู้ดโมเม้นท์จำกัด (มหาชน) (FM)เปิดเผย FMจะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก (IPO)จำนวนไม่เกิน 376.96ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 2บาทคิดเป็น 38.16 %ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทโดยจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15 - 17กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้กลุ่มครอบครัวดุษฎีโหนดซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งและผู้บริหารรวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้แสดงความจำนงค์ขอ Lock Upหุ้นทั้งหมดเพื่อแสดงความจริงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักลงทุนถึงจุดประสงค์ที่เด่นชัดกล่าวคือกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ครอบครัวดุษฎีโหนดพร้อมยืนหยัดเคียงคู่กับ FMและพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานให้เติบโตด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 47ปี
สำหรับเงินที่คาดว่าจะได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 1,080.00ล้านบาท FMมีแผนจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานแปรรูปไก่ปรุงสุก (CAV Products)และโรงเชือดและชำแหละไก่และการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงหรือธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์พลอยได้ของกลุ่มบริษัท รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินก็ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นายทวีชัยตั้งธนทรัพย์หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้จำกัดและนางสาวนลินวิริยะเสถียรกรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์(ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญร่วมของบริษัท ฟู้ดโมเม้นท์จำกัด (มหาชน) (FM)เปิดเผยร่วมว่า FM ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO)ในราคาหุ้นละ 5.40บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งโดย FMเป็นหุ้นในธุรกิจอาหารที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมากเห็นได้จากความสนใจของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ให้การตอบรับดีเยี่ยมแสดงความสนใจจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรถึง 3เท่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจจึงมีความมั่นใจว่าเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
เนื่องจากอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการขยายตัวดีต่อเนื่องทุกปีมีฐานะการเงินแข็งแกร่งและผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ย 3ปีที่ผ่านมา (2564 - 2566)มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ในช่วง 3ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 18%ต่อปีดังนั้นการระดมทุนเพื่อนำไปขยายธุรกิจในครั้งนี้จะส่งเสริมศักยภาพและผลักดันให้ FMมีการเติบโตที่โดดเด่นยิ่งขึ้น
คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ได้วันที่ 25กรกฎาคม 2567นี้โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “ FM”ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
นางดารินกาญจนะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทออพท์เอเชียแคปิตอลจำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่าจุดเด่นของ FMคือการมุ่งเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products)ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 15 -20% ซึ่งสูงกว่าสินค้าปกติโดยมีการสรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Food Technology)ใหม่ๆในการผลิตเพื่อการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์พร้อมแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 25-30%เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นและเพิ่มความสามารถในการผลิตสินค้าที่แตกต่างจากความสามารถในการผลิตเดิมของบริษัท
“หุ้น FMเป็นหุ้นอาหารที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งและมีความพิเศษที่โดดเด่นจากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตมาช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทำให้มีมาร์จิ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับนานาชาติ”
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายที่จะขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเช่นกลุ่มตะวันออกกลางฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้เป็นต้นรวมถึงการลงทุนในธุรกิจสัตว์เลี้ยงเพื่อเพิ่มมอัตรากำไรและรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต