xs
xsm
sm
md
lg

FM เคาะราคาขายไอพีโอ 5.40 บาท/หุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ฟู้ดโมเม้นท์ เคาะราคาขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ที่ 5.40 บาท/หุ้น จำนวนเสนอขาย 376 ล้านหุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม คาดเข้าเทรดใน SET วันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ฟากที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด และแกนนำอันเดอร์ไรต์ระบุเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งจากการโรดโชว์นักลงทุนสถาบันในประเทศให้การตอบรับดีเยี่ยมมากกว่าจำนวนที่จัดสรรถึง 3 เท่า ด้านซีอีโอ ”ณัฐพล ดุษฎีโหนด” เผยเตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ พร้อมลุยโปรเจกต์ใหม่ ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตยั่งยืน

วันนี้ (12 ก.ค.) บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (FM) ได้ลงนามแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (FM) เปิดเผยว่า FM จะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 376.96 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2 บาท คิดเป็น 38.16% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทโดยจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2567

ทั้งนี้ กลุ่มครอบครัวดุษฎีโหนด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ได้แสดงความจำนงขอ Lock Up หุ้นทั้งหมด เพื่อแสดงความจริงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักลงทุนถึงจุดประสงค์ที่เด่นชัด กล่าวคือกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ครอบครัวดุษฎีโหนดพร้อมยืนหยัดเคียงคู่กับ FM และพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานให้เติบโต ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 47 ปี ไม่คิดที่จะขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด

สำหรับเงินที่คาดว่าจะได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 1,080.00 ล้านบาท FM มีแผนจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานแปรรูปไก่ปรุงสุก (CAV Products) และโรงเชือดและชำแหละไก่ และการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงหรือธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์พลอยได้ของกลุ่มบริษัท รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และ น.ส.นลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญร่วมของ บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (FM) เปิดเผยร่วมว่า FM ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคาหุ้นละ 5.40 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดย FM เป็นหุ้นในธุรกิจอาหาร ที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก เห็นได้จากความสนใจของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ให้การตอบรับดีเยี่ยม แสดงความสนใจจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรถึง 3 เท่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจ จึงมีความมั่นใจว่าเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

เนื่องจากอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการขยายตัวดีต่อเนื่องทุกปี มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 18% ต่อปี ดังนั้นการระดมทุนเพื่อนำไปขยายธุรกิจในครั้งนี้จะส่งเสริมศักยภาพและผลักดันให้ FM มีการเติบโตที่โดดเด่นยิ่งขึ้น

คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “FM” ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร

นางดาริน กาญจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จุดเด่นของ FM คือ การมุ่งเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products) ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 15-20% ซึ่งสูงกว่าสินค้าปกติ โดยมีการสรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Food Technology) ใหม่ๆ ในการผลิต เพื่อการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ พร้อมแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 25-30% เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการผลิตสินค้าที่แตกต่างจากความสามารถในการผลิตเดิมของบริษัท

“หุ้น FM เป็นหุ้นอาหารที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง และมีความพิเศษที่โดดเด่นจากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตมาช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ทำให้มีมาร์จิ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับนานาชาติ”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายที่จะขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เป็นต้น รวมถึงการลงทุนในธุรกิจสัตว์เลี้ยง เพื่อเพิ่มอัตรากำไร และรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น