เอเซียพลัสเปิดโผหุ้น 20 ตัว รับประโยชน์เงินบาทแข็งค่า และหุ้นที่ถูกซื้อขายผ่าน NVDR ที่น่าจะเป็นเป้าหมายของ FUND FLOW ในช่วงนี้ ระบุ ครึ่งปีหลังมีโอกาสเห็นเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น รับทิศทางดอกเบี้ยขาลง หลังคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้้งในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นโอกาสที่ FUND FLOW จะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้น ประกอบด้วย
ระยะสั้น -> เริ่มต้นช่วง 2H67 (1-5 ก.ค.67) พอมีกฎ UPTICK RULE เห็นปริมาณการ SHORT SELL เหลือเฉลี่ย 1,509 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขาย 12.88%) ลดลงจากเดือนก่อนที่ 6,174 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขาย 4.47%) ต่อมาคือ แรงซื้อผ่าน NVDR ที่พุ่งขึ้นมาเป็น 4.8 พันล้านบาท พลิกจากเดือนก่อนที่ขายสุทธิหนัก -1.5 หมื่นล้านบาท แรงขายทางตรงจากต่างชาติลดลงเหลือ -845 ล้านบาท สุดท้ายต่างชาติซื้อสุทธิ SET50 FUTURES 53,946 สัญญา แตกต่างจากเดือนก่อนที่ขายสุทธิ 72,813 สัญญา
ระยะยาว -> ในไตรมาสที่ 3 หลายๆ ประเทศมีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อ โดย FED WATCH TOOL คาดปีนี้ FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง เหลือ 5% ปีหน้าลด 3 ครั้ง เหลือ 4.25% ลดช่วงต่างของดอกเบี้ยไทยและ BOND YIELD ที่ยังทรงๆ ให้เกิดส่วนต่างที่แคบลง หนุนให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าในระยะกลางถึงยาว หนุน FUND FLOW มีโอกาสไหลกลับมา เพราะต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม VALUATION ตลาดหุ้นไทยถูกพอดี และแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสค่อยๆ ฟื้นตัวทีละนิด
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า และหุ้นที่ถูกซื้อขายผ่าน NVDR เยอะสุด 20 อันดับแรก น่าจะเป็นเป้าหมายของ FUND FLOW ในช่วงนี้ ดังนี้
หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า* กลุ่มที่มีต้นทุน หรือหนี้สินสกลุเงินต่างประเทศ GULF BGRIM MINT PTT PTTEP PTTGC AAV
กลุ่มที่เน้นการนำเข้า TFG TVO
กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ หวัง Fund Flow ไหลเข้า KBANK SCB BBL TTB PTT PTTEP PTTGC OR IVL CPN CRC AWC CPAXT
อย่างไรก็ดี ในช่วงปี 2023 ถึงกลางปี 2024 ส่วนต่างของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ สูงกว่าไทยมากขึ้นเรื่อยๆ (ในอดีตไทยสูงกว่าสหรัฐฯ) กดดันให้เม็ดเงินจากหลายส่วนไหลออกจากไทย ทั้งจากบัญชีค่าเงินต่างประเทศ FCD ที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนล้านบาท เม็ดเงินไหลเข้ากองทุนต่างประเทศ FIF เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
ประเด็นดังกล่าวยังกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามา 13% ส่งผลให้พอร์ตหุ้นและตราสารหนี้ของต่างชาติขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเยอะ นอกจากจะขาดทุนในหุ้นถึง 22% ทำให้ต่างชาติเร่งขายหุ้นไทยออกมาเยอะถึง 3 แสนล้านบาท และขายตราสารหนี้ออกมา 2 แสนล้านบาท ในช่วงเวลาดังกล่าว