xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยพุ่ง +10.95 จุด รับกระแส Digital Wallet และความคาดหมายลดดอกเบี้ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด +10.95 จุด นักวิเคราะห์เผยแรงซื้อเข้าหุ้นกลุ่มค้าปลีกหนุนตลาด หลังลงทะเบียน Digital Wallet มีความคืบหน้ามากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/67 จะออกมาดี นอกจากนี้ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อไทยต่ำกว่าที่คาดไว้และกรอบนโยบายการเงินเปิดโอกาสให้ กนง.ทบทวนใหม่ มองกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้า แนวต้านแรกที่ 1,316 จุด ส่วนแนวต้านถัดไปที่ 1,320 จุด ขณะที่แนวรับที่ 1,305 จุด แนะติดตามความคืบหน้าประเด็นการเมือง

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 5 ก.ค.2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +10.95 จุด หรือ +0.84% โดยปิดตลาดที่ 1,311.99 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 32,907.92 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นมาร้อนแรงในช่วงบ่าย โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,312.75 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,298.43 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 354 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 199 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 97 หลักทรัพย์


ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,687.97 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +784.67 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,156.24 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -316.41 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 3,229.55 ล้านบาท ปิดที่ 13.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
2.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,273.72 ล้านบาท ปิดที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,073.38 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 970.15 ล้านบาท ปิดที่ 85.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
5.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 865.06 ล้านบาท ปิดที่ 152.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONT ปิดที่ 130.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 3.59%
2.KC ปิดที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 5.75%
3.KBANK ปิดที่129.50บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.57%
4.SAPPE ปิดที่102.00บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.00%
5.BCP ปิดที่40.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75บาท หรือ 4.58%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KTC ปิดที่38.50บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 1.28%
2.SPALI ปิดที่17.60 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 2.22%
3.RCL ปิดที่27.00บาท ลดลง 0.25บาท หรือ 0.92%
4.CRC ปิดที่31.00บาท ลดลง 0.25บาท หรือ 0.80%
5.TRUE ปิดที่8.85 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.12%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,788.33 จุด เพิ่มขึ้น 13.78 จุด หรือ 0.78% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 814.04 จุด เพิ่มขึ้น 5.42 จุด หรือ 0.67% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 351.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.29 จุด หรือ 0.66%

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาบวกโดดเด่นเมื่อเทียบกับภูมิภาค โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก หลังจากมีความคืบหน้าล่าสุดรัฐบาลเตรียมประกาศวันลงทะเบียน Digital Wallet ภายในเดือน ก.ค.นี้ รวมทั้งมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เก็งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ซึ่งเติบโตดี

ขณะที่ช่วงบ่ายกระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ที่ +0.6% YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.0% YoY และถ้าเทียบ MoM กลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ -0.3 MoM รวมทั้งต่ำกว่ากรอบนโยบายการเงินที่ 1-3% เป็นปัจจัยที่คาดว่าจะเปิดโอกาสให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทบทวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูปัจจัยอื่นประกอบ รวมทั้งทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Yield Play เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า จากการบังคับใช้มาตรการ Uptick Rull เริ่มมีผลทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่มีเสถียรภาพมากขึ้น

"แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดดัชนีแกว่งทรงตัวรอความคืบหน้าคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาวันที่ 10 ก.ค.นี้ รวมทั้งติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้กรอบแนวรับ 1,305 จุด และแนวต้าน 1,316 จุด ถัดไป 1,320 จุด" นายณัฐพล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น