หุ้นไทยหมดแรงปิดแผ่ว +0.82 จุด โบรกฯเผย ตลาดกังวลปัญหาคดีการเมืองยืดเยื้อฉุดความเชื่อมั่นการลงทุน หลังศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกลและคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี โดยนัดพิจารณาต่อในเดือน ก.ค. ทำให้ภาพการเมืองไม่แน่นอนกดดันตลาดต่อไป มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ แนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,310 จุด แนะจับตาปัจจัยต่างประเทศ ประเมินดัชนียังคงแกว่งตัวในทิศทางขาลง
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 18 มิ.ย. 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.82 จุด หรือ +0.06% โดยปิดตลาดที่ 1,297.41 จุดมูลค่าซื้อขาย 38.066.87 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทยในวันนี้ดัชนีรีบาวด์ในช่วงการซื้อขายภาคเช้า ก่อนที่ปรับลงในช่วงบ่าย โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,310.76 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,295.18 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 254 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 175 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 226 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,740.94 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,183.60 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +145.68 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +411.66 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,395.32 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,265.52 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,223.01 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,147.87 ล้านบาท ปิดที่ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,098.45 ล้านบาท ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.RCL ปิดที่27.25บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาท หรือ 7.92%
2.PTTEP ปิดที่150.50บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาท หรือ 1.35%
3.BCP ปิดที่37.00บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาท หรือ 4.23%
4.HANA ปิดที่46.25บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 2.21%
5.DELTAปิดที่80.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 1.27%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่237.00บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 2.07%
2.ADVANC ปิดที่207.00บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.96%
3.CENTELปิดที่37.75บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.21%
4.GULF ปิดที่38.00บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.56%
5.GPSC ปิดที่38.75บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.52%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,767.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด หรือ 0.05% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 802.35 จุด ลดลง -0.03 จุด หรือ 0.00% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 351.92 จุด ลดลง -0.10 จุด หรือ -0.03%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้ารีบาวด์ขึ้นมาสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค จากปัจจัยเทคนิคเข้าเขตขายมากเกินไป (Oversold) ขณะที่คดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ศาลประทับรับฟ้องแต่ให้ประกันตัวไม่มีผลต่อตลาดหุ้นเท่าไร
ขณะที่เปิดภาคบ่าย ตลาดตอบรับข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล และคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน โดยนัดพิจารณาต่อไปในเดือน ก.ค. ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองยังมีความไม่แน่นอน จึงมีแรงขายทำกำไรออกมามาก ส่งผลให้ดัชนีช่วงบ่ายพลิกมาไหลลงจนปิดตลาดเหลือบวกได้เล็กน้อย แต่หลุดระดับ 1,300 จุดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ประเด็นการรื้อฟื้นมาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับเงื่อนไขและมองว่ายังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งมาตรการกำกับควบคุม Short Sell ที่ออกมาช่วงบ่ายตลาดรับรู้กรอบเวลาการประกาศใช้มาก่อนแล้ว
"แนวโน้มพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งตัว แต่ภาพทางเทคนิคยังเป็นขาลงหลังจากวันนี้ไม่สามารถทะลุผ่าน 1,310 จุดไปได้อย่างแข็งแกร่ง สถานการณ์ตลาดโดยรวมยังไม่ค่อยดี ไร้ปัจจัยหนุน ประเด็นการเมืองยังยืดเยื้อ อีกทั้งในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้จะมีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ โดยมองกรอบแนวรับ 1,280 จุดและแนวต้าน 1,310 จุด" นายศราวุธ กล่าวทิ้งท้าย