ซีพีแอล กรุ๊ป เผยเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจ ลุยลดต้นทุนวัตถุดิบด้วยการถัวเฉลี่ยราคาหนังวัวนำเข้า ระบุไตรมาสแรกต้นทุนลดลง 5% ดันผลการดำเนินงาน 3 เดือนแรกของปีนี้กลับมามีกำไรสุทธิ ตั้งเป้าไตรมาส 2 ลดลงได้ 10-15% ตามแผน ดันผลประกอบการครึ่งแรกปีนี้โชว์กำไรได้ต่อเนื่อง รอจังหวะตลาดโลกครึ่งปีหลังฟื้นตัว
นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา CPL ได้เดินหน้าปรับโครงสร้างในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป (Finished Leather) ที่ในไตรมาสแรกของปีนี้สามารถลดต้นทุนนำเข้าหนังซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญลงได้ประมาณ 5%
ส่งผลให้บริษัทพลิกผลประกอบการจากที่เคยขาดทุนในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว กลับมามีกำไรสุทธิ 10.47 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ดีขึ้น ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 บริษัทมีเป้าหมายลดต้นทุนวัตถุดิบลงให้ได้ 10-15% ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย และทำให้ผลประกอบการครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทจะยังรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้
ปัจจุบัน CPL ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.การผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป (Finished Leather) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 65% ของรายได้รวมของบริษัท โดยผลิตภัณฑ์หนังของ CPL สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ หนังผิวและหนังท้อง 2.การรับจ้างฟอกหนัง (Tanning) ซึ่งแบ่งเป็นการฟอกหนังวัวและการฟอกหนังหมู คิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวม และ 3.การผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย (Safety Products) คิดเป็นสัดส่วน 32% ของรายได้รวมของบริษัท
นอกจากนี้ CPL ได้จัดตั้งและถือหุ้นในบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยได้ดำเนินการลงทุนในบริษัทอิทธิ์ 3 ฤทธิ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ “พลาย” (PLY) และบริษัท นาว เอนด์ออฟเวสท์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องย่อยเศษอาหารแบรนด์ “นาว” (NOW)
“แผนการลดต้นทุนวัตถุดิบจะดำเนินไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเราคาดว่าช่วงเวลานั้นต้นทุนนำเข้าหนังโดยเฉลี่ยจะลดลงได้ตามแผน ซึ่งจะเอื้อกับผลประกอบการของเรามากขึ้น ขณะเดียวกัน เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งถ้าหากว่ามีการผลิตเต็มกำลัง คำสั่งผลิตจะกระจายและถูกส่งต่อมายังโรงฟอกหนังในไทย ซึ่ง CPL จะได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์นั้น ที่ตอนนี้เรามองว่ามีความเป็นไปได้สูง นอกจากนี้ การค่อยๆ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะทำให้ความต้องการใช้หนังมากขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราจับตามองอย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตหนังที่ย่อยสลายได้ โดยเป็นการศึกษาร่วมกับแบรนด์รองเท้าชั้นนำของโลก “พูม่า” (PUMA) ในการสร้างโมเดลรองเท้า “พูม่า รี-ซูเอด” (PUMA RE-SUEDE) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการยั่งยืนของ “พูม่า” ที่ CPL มีส่วนร่วมในการพัฒนาและจัดหาหนังกลับ (SUEDE) ที่มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัสดุใหม่ที่สามารถย่อยสลายได้เมื่อหมดอายุการใช้งาน
โดยล่าสุด ตัวแทนจาก “พูม่า” ได้เดินทางมาเยี่ยมชมกระบวนการผลิตของโรงงาน CPL และมีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากโรงงาน CPL ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์ ทั้งในแง่ความครบวงจร การมีบ่อบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีกระบวนการผลิตที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวโน้มหลักที่สำคัญสำหรับทุกอุตสาหกรรมที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกธุรกิจ
