"CP LAND" รุกอสังหาฯ ครั้งใหญ่ ประกาศทุ่มลงทุน 30,000 ล้านบาท ตามแผนลงทุนปี 67-68 ปรับโปรดักต์เปิดแบรนด์บ้านหรู ล่าสุด ส่ง LUXRIVA RESIDENCES นำร่องใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช 12-20 ล้านบาท ขยับเพิ่มพอร์ตคอนโดฯ ใหม่ เจาะตลาดกลุ่ม 3-4 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปี 67 ขยับเป้าหมายรายได้เร็วขึ้นสู่ 5,500 ล้านบาท สำเร็จก่อนแผนเร็วกว่า 1 ปี วางเป้าปี 68 รายได้แตะ 10,000 ล้านบาทแน่นอน ยันหนี้บริษัทต่ำสุดในระบบ
นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ CP LAND เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายการเติบโตในช่วง 2 ปีข้างหน้า (2567-2568) ว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมในการนำพาธุรกิจของ CP LAND ก้าวไปสู่การเติบโตที่มั่นคง และเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการขยายธุรกิจไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพ ในทำเลใหม่ โดยตามแผนจะทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท ในการเปิด 5 โครงการแบรนด์ใหม่ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว และโครงการคอนโดมิเนียม ในเบื้องต้นจะปรับมาทำตลาดบ้านเดี่ยวในระดับราคา 5-20 ล้านบาท จากเดิมทำตลาดบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 5 ล้านบาท
โดยล่าสุดได้ทยอยเปิดโครงการใหม่แบรนด์บ้านเดี่ยวลักชัวรีแบรนด์แรก LUXRIVA RESIDENCES นำร่องใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งเป้าหมายเจาะกลุ่มนักธุรกิจ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ (Local Achiever) ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 12-20 ล้านบาท เปิดให้จองสิทธิแล้ว คาดเฟสแรกจะแล้วเสร็จต้นปี 2567 โดย CPLAND จะมีการเปิดบ้านเดี่ยวลักชัวรีราคาที่แพงขึ้น
นอกจากนี้ จะขยับลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม ในเบื้องต้นมี 3 โครงการ จับกลุ่มราคา 3-4 ล้านบาท เป็นการปรับโปรดักต์ที่ทำราคาขายห้องชุดสูงขึ้น จากในช่วงที่ผ่านมาทำตลาดคอนโดฯ ในกลุ่มเริ่มต้น 1 ล้านบาท ซึ่งการพัฒนาโครงการคอนโดฯ เพื่อสร้างยอดขาย และรองรับการรับรู้รายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอในช่วงปลายปี 2568 และต่อเนื่องในปีถัดไป โดยจะกระจายไปทำเลใหม่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ชลบุรี และนครราชสีมา (โคราช) เป็นต้น
"ปีหน้าเราจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องแบรนด์ จะมีการยุบแบรนด์ในกลุ่มบ้านแนวราบ และ คอนโดมิเนียม แต่มีบางแบรนด์คอนโดฯ ที่มีอยู่ แต่ต้องรีแบรนด์ใหม่ เช่น แบรนด์คอนโด ดรีม เป็นต้น"
ในส่วนของธุรกิจโรงแรม CP LAND นั้น ในปี 2567 จะเห็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญ โดยจะมีการเปิดโรงแรมใหม่ และขยายการลงทุน (เทกโอเวอร์) ที่มีศักยภาพ
นายกีรติ กล่าวถึงทิศทางการสร้างความแข็งแกร่งของรายได้บริษัทว่า เรามั่นใจในเรื่องแผนการลงทุนที่จะเกิดขึ้น และเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี 2567 ทำให้เรามีการขยับเป้ารับรู้รายได้เร็วขึ้น โดยในปี 2566 คาดสามารถทำรายได้สูงถึง 3,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 66% พร้อมขยับเป้ารายได้สู่ 5,500 ล้านบาทเร็วขึ้น 1 ปี จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2568 ขยับเร็วขึ้นเป็นปี 2567 และคาดว่าภายในสิ้นปี 68 จะมีรายได้สู่ระดับ 10,000 ล้านบาท
"หลังบ้านเราแข็งแกร่ง หนี้เราน้อย เรามีแอสเสท 37,000 ล้านบาท หนี้สินต่อทุนเราต่ำกว่าตลาดมาก ทำให้เราสามารถกู้เงินมาขยายลงทุนได้ และต่อให้กู้มา หนี้สินเรายังต่ำคาดไม่เกิน 1:1 สุขภาพเรายังดีอยู่ โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (โครงการเดิม) มีประมาณ 3,000 ล้านบาท ใน 26 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดฯ" นายกีรติ กล่าว