xs
xsm
sm
md
lg

PSTC เผยนโยบาย Carbon Tax หนุนลูกค้าเพิ่ม-ดันขนส่งน้ำมันทางท่อคึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี" ชี้นโยบายภาครัฐเตรียมเก็บภาษีคาร์บอนเครดิต ผลักดันคู่ค้าใช้บริการ “ขนส่งน้ำมันทางท่อ เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” คึก ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80,000 ตันคาร์บอน/ปี ลดต้นทุนธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมัน ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ มุ่งบรรลุ Net Zero Emissions ในปี 2050
 
บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ระบุว่า บริษัทมีความพร้อมในการผลักดันให้บริษัทค้าปลีกน้ำมันชั้นนำของประเทศเห็นถึงประโยชน์ของการมาใช้บริการ “ขนส่งน้ำมันทางท่อ” เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) โดยมีกำลังการขนส่งน้ำมันทางท่ออยู่ที่ 5,443 ล้านลิตรต่อปี ที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมัน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สนับสนุนการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ มุ่งบรรลุเป้า Net Zero Emissions ภายในปี 2050 

ทั้งนี้ การที่กรมสรรพสามิตได้เตรียมเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ซึ่งเป็นกลไกภาคบังคับให้ภาคธุรกิจและทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยในระยะแรกจะเริ่มเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่เชื่อมโยงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก่อน ซึ่งหากกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ ก็จะเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้ได้ในปีงบประมาณ 2568 โดยจะเริ่มเปลี่ยนการเก็บภาษีน้ำมันเป็นการผูกกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 ทั้งนี้ โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมัน เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากสถานีคลังเก็บน้ำมันที่สระบุรีถึงสถานีคลังเก็บน้ำมันที่ขอนแก่น รวมระยะทาง 342 กิโลเมตร ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง PSTC และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) ถือเป็นธุรกิจที่ช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ให้ประโยชน์ในหลากหลายมิติ เนื่องจากระบบขนส่งน้ำมันทางท่อนั้นจะมีความเหมาะสมที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการขนส่งแบบอื่นๆ เพราะใช้ระยะเวลาในการขนส่งสั้นที่สุด อีกทั้งยังเป็นการให้ประโยชน์ทางอ้อมแก่สิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งบริษัทถือว่าเป็นไปตามนโยบายขององค์กรที่ว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมก่อให้เกิดความปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโอกาสทางธุรกิจขยายโครงข่ายพลังงานสู่อาเซียนต่อไปในอนาคต 

ปัจจุบัน บริษัทค้าปลีกน้ำมันชั้นนำของประเทศ อย่าง OR ไทยออยล์ เชลล์ Chevron BSRC (Esso) บางจาก และ PTG ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่ม Go Green ได้เห็นถึงประโยชน์นี้ จึงเข้าใช้บริการจ่ายน้ำมันผ่านระบบท่อของโครงการแทนการขนส่งจากรถบรรทุกน้ำมันแล้ว ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ต่ำกว่า 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเปรียบเทียบได้กับการปลูกป่ามากถึง 67,000 ไร่ และช่วยลดอุบัติเหตุจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพและความยืดหยุ่นในการจัดส่งน้ำมันไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ผู้ใช้บริการท่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ของบริษัทน้ำมันชั้นนำทั่วประเทศ ที่มีโรดแมปมุ่งสู่การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สอดคล้องกับพันธกิจองค์กร PSTC ที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน จากการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income) ให้กลุ่ม PSTC


กำลังโหลดความคิดเห็น