แสนสิริ 40 ปี ย้ำความแข็งแกร่งเบอร์หนึ่งผู้พัฒนาคอนโดฯ เดินหน้าตามแผนปี 67 เปิดตัวคอนโดฯ 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สร้างเรคคอร์ดสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ไทย มั่นใจยอดขายกลุ่มคอนโดฯ ตามเป้า 21,000 ล้าน ลุยสร้างยอดโอนคอนโดฯ 13,000 ล้านบาท เผย 5 เดือน สามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 7,300 ล้าน และมียอดโอน 3,400 ล้าน ชู Strategic Location ลุยขยายโครงการในหัวเมืองใหญ่ พร้อมกับเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริเติบโตแข็งแกร่งมาตลอด 40 ปี โดยมีการพัฒนาโครงการไปแล้ว 200 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 290,000 ล้านบาท จำนวน 81,000 ยูนิต ปัจจุบัน แสนสิริขยายพอร์ตคอนโดมิเนียม 20 แบรนด์ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา ครอบคลุมทำเลศักยภาพทั่วประเทศ และในปี 2567 กลุ่มธุรกิจคอนโดฯ แสนสิริมุ่งเติบโตตามแนวทาง RESILIENT GROWTH - ยืนหยัด ยั่งยืน กับแผนการเปิดตัวคอนโดฯ 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างเรคคอร์ดสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ไทย พร้อมวางเป้ายอดขายคอนโดฯที่ 21,000 ล้านบาท และยอดโอนคอนโดฯ ที่ 13,000 ล้านบาท
“แสนสิริเราให้ความสำคัญกับการบริหาร Portfolio เพื่อให้บริษัทมีผลประกอบการที่โตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ โดย 5 เดือนที่ผ่านมา แสนสิริสามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 7,300 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 35 ของเป้ายอดขาย) และมียอดโอน 3,400 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 26 ของเป้ายอดโอน) และในช่วงที่เหลือของปี เรายังคงทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่เปิดขายอยู่ และพร้อมโอนในปีนี้รวม 14 โครงการ มูลค่า 15,700 ล้านบาท”
โดยกลุ่มธุรกิจคอนโดฯ มีกลยุทธ์รุกพัฒนาโครงการใน Strategic Location หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา รองรับทุกความต้องการของลูกค้า ปัจจุบัน แสนสิริมีสัดส่วนโครงการคอนโดฯ เปิดใหม่ ใน Strategic Location มากถึง 45% (9 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท) โดยมุ่งเน้นทำเลในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมถึงตลาดฝั่ง EEC โซนภาคตะวันออก ตั้งแต่พัทยา บางแสน ไปถึงขอนแก่น รวมทั้งหัวหิน พร้อมชูไฮไลต์โครงการใหม่ แคนวาส เชิงทะเล ซีบีดีในภูเก็ต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังรุกปักหมุดโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD ที่มีดีมานด์ บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 34 (Via 34) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท บนสุขุมวิท 34 และ เวีย 61 (เวีย 61) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนสุขุมวิท 61 โดยทั้ง 2 โครงการ แสนสิริจะพัฒนาภายใต้แบรนด์เวีย (Via) ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดฯ ภายใต้ Aesthetic Collection ของแสนสิริ
ทั้งนี้ แสนสิริพร้อมเปิดตัว 2 แคมเปญไฮไลต์ เริ่มจากลุยตลาดคอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้ กับการเปิดตัวโครงการ พินน์ ศูนย์วิจัย ในไตรมาส 3 นี้ และการต่อยอดแบรนด์คอนโดฯ กับกลยุทธ์ Brand Refresh ปรับโฉมแบรนด์ เดอะ เบส ครั้งใหญ่ โดยจะมีโครงการ เดอะ เบส รวม 4 โครงการ ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท และอีก 2 โครงการใหม่บนทำเลรัชดา และวงศ์สว่าง รวมทั้งอีก 1 ทำเลใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 5,700 ล้านบาท
การเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง อย่างแบรนด์ดีคอนโด เตรียมเปิดตัวทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท และจ่อคิวโอน 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท โดยเร็วๆ นี้ จะมีเปิดตัวดีคอนโด เซนส์ มูลค่า 880 ล้านบาท และดีคอนโด คลาม มูลค่า 820 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 นี้ และเปิดตัวคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์คอนโดมี และเวย์ กับจุดเด่นด้านราคาจับต้องได้ ให้เฟอร์ครบ ในหลากหลายทำเล รวม 3 โครงการ มูลค่า 1,110 ล้านบาท
และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สำคัญคือการพัฒนา Super Luxury Condominiums ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของแสนสิริ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ที่มั่นใจในแบรนด์และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ 40 ปี และล่าสุดปิดการขายห้อง Penthouse พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ของโครงการแสนสิริในทำเลชิดลม และยังมีอีก 2 โครงการใหม่ บนทำเลสารสิน และสุขุมวิท 51 จ่อคิวสร้างความสำเร็จตามรอยโครงการในพอร์ต Sansiri Luxury Collection (SLC) และเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการอสังหาฯ ไทย
“แสนสิริให้ความสำคัญสูงสุดกับการยกระดับคุณภาพโครงการและบริการหลังการขาย ล่าสุดจับมือผู้รับเหมาแนวหน้าของประเทศ ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการก่อสร้าง คุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคุณภาพ
รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อส่งมอบบริการที่ครอบคลุมทุกมิติและทุกความต้องการของลูกบ้านตลอดช่วงการอยู่อาศัย เพื่อส่งต่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนให้ครอบครัวแสนสิริ และครองความเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย”