บล.ทิสโก้ ระบุถึงการกลับมาของกองทุน LTF ที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาที่จะนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมา โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ซึ่งอดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำลังพิจารณาที่จะนำกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยกระทรวงการคลังยังไม่ได้แจ้งว่าจะมีการตัดสินใจเมื่อใด แต่หากได้รับการอนุมัติ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ตามความคิดเห็นของเรา
1.มีโอกาสสูงกว่าที่กองทุนจะถูกนำกลับมาในครั้งนี้ แนวคิดในการฟื้นฟูกองทุน LTF เพื่อกระตุ้นตลาดหลักทรัพย์ได้ถูกนำมาพิจารณาหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วกระทรวงการคลัง (ผู้มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้าย) มักจะปฏิเสธข้อเสนอเหล่านี้ บางครั้งมีการเปิดตัวกองทุนทดแทนขนาดเล็ก เช่น SSF และกองทุน ThaiESG ในช่วงไม่นานมานี้ แต่กองทุนเหล่านี้มีผลกระทบต่อตลาดน้อยกว่ากองทุน LTF เนื่องจากมีแพกเกจที่น่าดึงดูดใจน้อย งบประมาณจำกัด และระยะเวลาการถือครองที่ยาวนาน ทำให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีน่าสนใจเฉพาะผู้ที่เสียภาษีในอัตราสูงเท่านั้น
ZoomIn: ลุ้นฟื้น LTF เงื่อนไขเดิมหวังเพิ่มเม็ดเงินใหม่กว่า 2 หมื่นล้านบาท ดัน SET ดีดขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 จุด
ทั้งนี้ เนื่องจากนายพิชัยเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของตลาดหลักทรัพย์มาก่อน เขาจึงมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประเด็นนี้ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเปิดตัวกองทุนที่ใกล้เคียงกับรูปแบบเดิมของ LTF มากกว่า
2.รายละเอียดของกองทุน LTF ใหม่ยังไม่ได้รับการกำหนดอย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะมีโอกาสที่จะมีกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทนี้ แต่รูปแบบสุดท้ายยังคงไม่แน่นอน เงื่อนไขที่จะถูกกำหนดขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียภาษีจำนวนมากถือว่าเงื่อนไขของกองทุน SSF และ ThaiESG ไม่น่าดึงดูดใจ (งบประมาณจำกัด และระยะเวลาการถือครองที่ยาวนาน) ส่งผลให้มีเงินไหลเข้าสู่ตลาดในปริมาณจำกัด และเราเชื่อว่ากองทุนใหม่ควรจะน่าดึงดูดใจมากกว่า SSF/ThaiESG แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเงื่อนไขจะเหมือนกับกองทุน LTF เดิมหรือไม่ (วงเงิน 500,000 บาท สำหรับระยะเวลาถือครอง 5 ปี)
3.ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่ งบประมาณ ระยะเวลาการถือครอง และกองทุนที่เข้าเงื่อนไข ผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ของกองทุนนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งสามประการนี้ ประการแรก สำหรับงบประมาณ มีสองสิ่งที่ต้องพิจารณานั่นคือ วงเงินสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสำหรับการหักลดหย่อนภาษีเงินได้ และว่าวงเงินนี้จะรวมกับกองทุนที่หักลดหย่อนภาษีอื่นๆ เช่น ประกันชีวิต หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือไม่
สำหรับระยะเวลาการถือครองยิ่งระยะเวลานานเท่าใด ผลประโยชน์จากการประหยัดภาษีต่อปีจะลดลง ความนิยมของ LTF ในอดีตส่วนหนึ่งมาจากระยะเวลาการถือครองที่สั้นกว่า เมื่อเริ่มแรกระยะเวลาการถือครองสำหรับ LTF คือ 5 ปี (หรือเพียงแค่ 3 ปีจริงๆ หากผู้ลงทุนวางแผนการซื้อและขายกองทุนได้อย่างถูกต้อง) ก่อนที่จะถูกปรับเป็น 7 ปีในภายหลัง โดยระยะเวลาการถือครองที่ยาวนานขึ้นนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้กองทุน ThaiESG/SSF ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
สุดท้ายผลกระทบของกองทุน LTF ใหม่จะมีมากขึ้น หากมีการจำกัดให้สามารถลงทุนในกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์ไทยเท่านั้น แทนที่จะรวมถึงกองทุนรวมในต่างประเทศ (Foreign Investment Funds - FIF) ซึ่งกองทุน SSF อนุญาตให้ลงทุนได้
4.หากเงื่อนไขของกองทุนใหม่เหมือนหรือใกล้เคียงกับกองทุน LTF เดิม ผลกระทบจะมีนัยสำคัญ หากเงื่อนไขน่าดึงดูดใจเพียงพอ กองทุน LTF ใหม่ควรจะช่วยส่งเสริมการไหลเข้าสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทยในอดีต เราประมาณการว่ามีการไหลเข้าสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 20,200 ล้านบาท ที่สามารถเชื่อมโยงกับกองทุน LTF โดยตรง (ไม่รวมผลกระทบจากมูลค่าตลาด) อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในครั้งนี้น่าจะต่ำกว่าเล็กน้อย โดยคาดการณ์ว่าสิ่งอื่นๆ จะคงที่ เนื่องจากมีเงิน LTF คงค้างอยู่ 248,000 ล้านบาท ที่พร้อมจะถูกไถ่ถอนหรือโอน ขณะเดียวกัน การประมาณการอย่างง่ายของเราชี้ให้เห็นว่าหากมีการไหลเข้าสุทธิ 10,000 ล้านบาท จากนักลงทุนสถาบัน (ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ) จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น 20 จุด