เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน งวดนี้มีรายได้รวม 662.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากกลยุทธ์มุ่งเน้นบริหารจัดการคุณภาพการให้บริการ หนุนอัตราค่ากำจัดขยะเพิ่มขึ้น ขณะที่การจำหน่ายขยะเชื้อเพลิงทดแทน (SRF) พุ่ง 238% พร้อมเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 12 โครงการ และโรงผลิต SRF 3 โครงการ มูลค่ารวม 20,800 ล้านบาทจ่อเปิด COD ในปี 2569
นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน หรือ “BWG” เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 662.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากปีก่อน (YoY) จากกลยุทธ์การดำเนินงานที่มุ่งเน้นคุณภาพของการให้บริการ ส่งผลให้มีอัตราค่าบริการกำจัดกากอุตสาหกรรมถัวเฉลี่ยต่อตันเพิ่มขึ้น 6%
อีกทั้งบริษัทมีการจำหน่ายกากอุตสาหกรรมที่ใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงทดแทน (SRF) เพิ่มขึ้น 238% เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานหลักเพิ่มมากขึ้น และมีราคาขายต่อตันตามค่าความร้อน ค่าความชื้น และขนาดชิ้นงาน ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย แม้ว่าไตรมาสนี้ราคาขายเฉลี่ยต่อตันลดลง 3% แต่มีรายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้น 33.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 228% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ในส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วน 11% ของรายได้จากการขายและบริการ นอกจากนี้ บริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 3 แห่ง สามารถผลิตและขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 3% ของหน่วยผลิตไฟฟ้าที่ผลิตและขาย หรือคิดเป็น 6.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% (YoY)
อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าผันแปร ทั้งในเรื่องของค่าขนส่ง ค่าเชื้อเพลิง ค่าวัสดุสิ้นเปลือง ค่าซ่อมบำรุง เป็นต้น แต่ส่งผลให้ไตรมาสนี้บริษัทยังคงมีกำไรก่อนต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 51.96 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีของกลุ่ม BWG
ส่วนแผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนขยายการลงทุน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร รวมถึงการดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตเชื้อเพลิง SRF โดยบริษัทมีเป้าหมายขยายการลงทุนธุรกิจผลิตเชื้อเพลิง SRF เพื่อจัดส่งให้โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิตการนำขยะมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน สอดคล้องกับยโนบายเศรษฐกิจหมุนเวียนของภาครัฐ
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 6 (BWG-W6) จำนวน ไม่เกิน 900.20 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมฟรี ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 และกำหนดวันครบกำหนดอายุใบสำคัญแสดงสิทธิ BWG-W6 เป็นวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดย BWG-W6 มีอายุ 1 ปี 3 เดือน และสามารถใช้สิทธิได้ครั้งแรก ในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 0.70 บาท