หุ้นไทยปิดตลาดร่วงแรง -28.94 จุด เหตุนักลงทุนกังวลความขัดแย้งและการสู้รบในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอล จึงเทขายออกลดความเสี่ยง อีกทั้งยังมีแรงกระชากจากแนวโน้มเฟดชะลอเวลาลดดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ดันบอนด์ยิลด์ปรับเพิ่มขึ้นและดอลลาร์ปรับแข็งค่ากดดันให้เงินบาทอ่อนตัวลง ซึ่งเพียง 3 วันดัชนีร่วงลงไปแล้วกว่า 60 จุด คาดสัปดาห์หน้าหุ้นไทยอาจฟื้นตัวขึ้นในกรอบจำกัด มองกรอบแนวรับที่ 1,330 จุด และแนวต้านที่ 1,350 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 เมษายน 2567 ปรับตัวลดลง -28.94 จุด หรือ -2.13% โดยปิดตลาดที่ 1,332.08 จุด มูลค่าซื้อขาย 57,497.73 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงแรงโดยเฉพาะช่วงท้ายตลาด โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,343.32 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,330.24 จุด ส่งผลให้ภาพรวมทั้งสัปดาห์นี้ที่ตลาดหุ้นเปิดซื้อขายเพียง 3 วัน แต่ดัชนีร่วงลงไปแล้วกว่า 60 จุด จากจุดปิดตลาดช่วงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ 1,396.38 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 54 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 87 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 522 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,858.48 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า +741.40 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -3,767.86 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -832.01 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,766.49 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,677.86 ล้านบาท ปิดที่ 138.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
3.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,330.35 ล้านบาท ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
4.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,297.37 ล้านบาท ปิดที่ 30.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,235.56 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่160.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.63%
2.RCL ปิดที่17.10บาท เพิ่มขึ้น 0.30บาท หรือ 1.79%
3.SISB ปิดที่38.75บาท เพิ่มขึ้น 0.25บาท หรือ 0.65%
4.KKP ปิดที่51.25บาท เพิ่มขึ้น 0.25บาท หรือ 0.49%
5.BCH ปิดที่20.60บาท เพิ่มขึ้น 0.20บาท หรือ 0.98%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 242.00บาท ลดลง 8.00บาท หรือ 3.20%
2.BBL ปิดที่ 138.50บาท ลดลง 5.00บาท หรือ 3.48%
3.DELTA ปิดที่ 69.25บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ 4.48%
4.GPSC ปิดที่ 46.25บาท ลดลง-3.00บาท หรือ 6.09%
5.AOT ปิดที่ 63.00บาท ลดลง 2.50บาท หรือ 3.82%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,806.88 จุด ลดลง -40.60 จุด หรือ -2.20% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 816.80 จุด ลดลง -18.09 จุด หรือ -2.17% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 382.54 จุด ลดลง -9.01 จุด หรือ -2.30%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค จากความกังวลประเด็นขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังมีความไม่แน่นอนสูง และความกังวลการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช้ากว่าคาด จากที่เคยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง เหลือแค่ครั้งเดียว รวมทั้งความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังส่งสัญญาณว่าเฟดไม่ควรรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยิลด์) และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น และทำให้ช่องว่างระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัยกว้างขึ้น
ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลดทอนความน่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ การปรับลงของตลาดหุ้นไทยวันนี้เป็นการปรับลงของหุ้นเกือบทุกกลุ่ม
"มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสสูงที่จะเกิด Technical Rebound หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางขยายตัว ขณะที่ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดตลาดน่าจะตอบรับไปพอสมควร ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการทยอยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยให้กรอบแนวรับ 1,330 จุด และแนวต้าน 1,350 จุด" นายณรงค์เดช กล่าว