ดัชนี SET เปิดมาที่ 1,339.95 จุด ลดลง 21.07 จุดหรือ 1.55% รับผลตามต่างประเทศ เพราะกังวลสถานการณ์ตึงเครียดตะวันออกกลางจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีรอบใหม่ เชื่อราคาน้ำมันพุ่งอาจช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยไว้ได้ระดับหนึ่ง ส่วนดัชนี SET อยู่ในช่วงประคองฐานแนวรับสำคัญที่ 1,350 จุด หลังจากตอบรับปัจจัยลบทั้งต่างประเทศและในประเทศไปมากแล้ว ให้แนวรับ 1,349-1,340 จุด และแนวต้าน 1,373-1,380 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน คาดว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบทั้งหมด หลังจาก Bloomberg รายงานว่าเกิดเสียงระเบิดรุนแรงในเขตเมือง Isfaran ของประเทศอิหร่าน และจุดอื่นๆ ในประเทศอิรักและซีเรีย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง +3% ในช่วงเช้าแตะระดับ 90 เหรียญ/บาร์เรลอีกครั้ง เช่นเดียวกับราคาทองคำ +1.2% สู่ระดับ 2,426 เหรียญ/ออนซ์ ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุของการระเบิดดังกล่าวว่าเป็นการโจมตีจากฝ่ายใด
ข่าวดังกล่าวมองเป็นจิตวิทยาลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นตัวมา คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานบ้านเรา ขณะเดียวกัน จะกระทบต่อหุ้นอิงการค้าระหว่างประเทศ แนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดว่าจะลุกลามบานปลายหรือไม่ และหากดัชนีย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,349-1,340 จุดให้ตั้งรับได้ โดยให้อิงหุ้นกลุ่มในประเทศเป็นหลัก (Domestic play)
ให้แนวรับที่ 1,349-1,340 จุด และแนวต้าน 1,373-1,380 จุด
ขณะที่นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงประคองฐานแนวรับ 1,350 จุด หลังวานนี้ปรับลงสวนทางกับตลาดภูมิภาค จากแรงขายกลุ่มพลังงาน และปิโตรฯ รวมทั้งโบรกฯ ต่างชาติปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 67 ลงมา แต่มองว่าดัชนีปรับตัวลงตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้วแรงกดดันน่าจะเบาลง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้คือความกังวลเฟดลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด หลังจากวานนี้คณะกรรมการเฟดจำนวนหนึ่งออกมาให้ความเห็นตรงกันว่ายังไม่เห็นสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเท่าไรนัก ซึ่งการลดดอกเบี้ยช้ากดดันหุ้นกลุ่ม Yield-Sensitive แต่ตลาดน่าจะ Price in ประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรเช่นกัน
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ส่วนใหญ่กลุ่ม Tech ปรับลง แต่หุ้นกลุ่ม Value เริ่มมีสัญญาณบวก ซึ่งน่าจะทำให้แรงกดดันที่เชื่อมโยงกับตลาดหุ้นไทยน้อยลง เนื่องจากโครงสร้างตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่ม Value มากกว่า
สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น TTB และ SCB
บล.กรุงศรี ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,350-1,355 จุด หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้เนื่องจากเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งหนุนให้เงินเฟ้ออยู่ระดับสูงและส่งผลให้ US bond yield ปรับตัวขึ้น ขณะที่ Fund flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกจะกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ จึงแนะนําซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective buy ต่อไป
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ข่าวความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ระบุว่าอิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตีดินแดนของอิหร่านในช่วงเช้าวันนี้ เป็นจุดที่สร้างความกังวลให้นักลงทุน อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์ยังไม่น่ากังวล เนื่องจากเป็นการยิงตอบโต้ไม่ใช่การเคลื่อนพลที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อมากกว่า และให้กรอบแนวรับ 1,320-1,340 จุด และแนวต้าน 1,360 จุด
อย่างไรก็ตาม เชื่อช่วงหลังจากเดือน เม.ย. เป็นต้นไปต้องระวังระวังแรงขายทำกำไรจากตลาดโลก เพราะนักลงทุนอยู่ในช่วงการปรับคาดการณ์แนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมทั้งในไตรมาส 2/67 เป็นช่วงสุญญากาศทางเศรษฐกิจเนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567
ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.แม้จะเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวน แต่ยังมีความน่าสนใจ และถือเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีที่จะถือไว้เพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีหลังไปจนถึงปีหน้า โดยในไตรมาส 3/67 จะมีแรงส่งจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมทั้งภาคการบริโภคที่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาหนุน และในปีหน้าจะเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลงเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ทั้งนี้ มอง downside ตลาดหุ้นไทยที่ 1,320 จุด อาจลงไปต่ำกว่านี้ได้ แต่ก็เป็นโอกาสในการเข้า "ซื้อ" หรือ "ทยอยสะสม"