การปรับขนาดผลตอบแทนเพื่อสร้างสมดุล อุปสงค์-อุปทาน และป้องกันปัญหาเงินเฟ้อในอุตสาหกรรมคริปโต หรือการลดปริมาณเหรียญบิทคอยน์ในระบบบล็อกเชนที่จะเกิดขึ้นใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของบิทคอยน์ โดยหากนับเวลาคำนวนถอยหลังตามการประมาณการในปัจจุบัน ขณะนี้เหลือระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน
จากการรายงานของ cryptopotato ระบุถึงราคาของบิทคอยน์ได้ปรับตัวพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์สรุปความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าแรงหนุนหลักมาจากกระแสความนิยมของ Spot ETFs ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ความต้องการยอมรับในการใช้งาน ยังขยายตัวไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งสะท้อนความต้องการที่แท้จริงสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกันกับการลงทุนรูปแบบใหม่
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ราคาบิทคอยน์และปริมาณสินทรัพย์ตามราคาตลาด จึงปรับเพิ่มสูงขึ้นทะลุระดับสูงสุดตลอดกาลในปี 2564 แต่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว บิทคอยน์ต้องเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่หลังจาก ATH ได้ไม่นาน
ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนจะถึงรอบการ Halving ครั้งต่อไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่โดยปกติจะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
ด้าน cryptopotato จึงได้ทดสอบผ่านการประมวลผลผ่านทาง Perplexity ซึ่งเป็นแชทบอท AI ยอดนิยมที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ ซึ่งแตกต่างจาก ChatGPT โดย Perplexity ระบุว่าบิทคอยน์จะกลับมีสู่กราฟสีเขียวอีกครั้ง โดยจะแตะ ATH อื่นในสัปดาห์ต่อๆ ไป
มีโอกาสที่ บิทคอยน์จะสร้างสถิติราคาสูงสุดใหม่ก่อน Halving ได้หรือไม่?
นับตั้งแต่ที่ BlackRock ยื่นเรื่องเพื่อเปิดตัวสปอต Bitcoin ETF ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ความเชื่อมั่นในชุมชนก็เปลี่ยนไป และตลาดก็ประสบปัญหาการฟื้นตัวที่ค้างชำระเป็นเวลานานโดยบิทคอยน์พยายามผลักดันราคาจากจุดตัดราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ และสามารถเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเพิ่มราคาเป็นสองเท่าเมื่อ ETF ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.ในกลางเดือนมกราคมปีนี้
อย่างไรก็ตาม ภาวะกระทิงยังคงดำเนินต่อไปหลังจากช่วงสั้นๆ และบิทคอยน์ทะลุระดับสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้ในปี 2564 ที่ 69,050 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนมีนาคม โดยราคาสูงสุดได้ปรับตัวลงในวันที่ 14 มีนาคม เมื่อสินทรัพย์แตะที่ $73,800 ซึ่งเป็นสถิติราคาสูงสุดใหม่ในปัจจุบัน และตั้งแต่นั้นมา ตลาดคริปโตก็เข้าสู่ตลาดหมีอีกรอบ
ทั้งนี้ Halving หรือการลดรางวัลลงครึ่งหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะลดรางวัล BTC ลงครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ บิทคอยน์ หายากมากขึ้น ตามทฤษฎีแล้ว นี่ควรเป็นการพัฒนาเชิงบวกอย่างมากสำหรับสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความต้องการยังคงเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าบิทคอยน์ร่วงลงในช่วง 6-12 เดือนแรกหลังจากการลดลงครึ่งหนึ่งแต่ละครั้งในสามครั้งก่อนหน้านี้
ดังนั้น ชุมชนคาดว่าจะมีการชุมนุมอีกครั้งหลังจากการลดลงครึ่งหนึ่งครั้งที่สี่ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 29 วัน ตามการประมาณการในปัจจุบัน แต่บิทคอยน์จะทะลุจุดสูงสุดในปัจจุบันหรือไม่? นักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน
“จากข้อมูลจากผลการค้นหา มีความเป็นไปได้สูงที่บิทคอยน์จะทะลุราคาสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งก่อนการลดลงครึ่งหนึ่งในปี 2567 ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวโน้มนี้ รวมถึงโมเมนตัมเชิงบวกในตลาด แม้กระทั่งการอนุมัติสปอต Bitcoin ETF ล่าสุด และความคาดหวังเกี่ยวกับเหตุการณ์ Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน”
บิทคอยน์ สามารถไปได้สูงแค่ไหน?
แม้ว่าการฟื้นตัวล่าสุดในแง่ของการไหลเข้าและออกของ ETF หรือสินทรัพย์ทางการเงินเหล่านี้ก็ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนแบบดั้งเดิม และทำลายสถิติมากมายในช่วงสองเดือนแรกหลังจากการเปิดตัว ความต้องการ BTC ส่งผลให้สินทรัพย์และตลาดทั้งหมดพุ่งขึ้นอย่างน่าประทับใจ และ Perplexity เชื่อว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นในปี 2567 และ 2568
AI chatbot กล่าวว่า บิทคอยน์อาจสูงถึง 90,000 ดอลลาร์ในปีนี้ สอดคล้องกับผลการวิจัยของนักวิเคราะห์เช่น Bernstein ที่กล่าวว่าอาจถึงจุดสูงสุดภายในขอบเขตสูงสุดที่แสนต้นๆ ไม่เกิน 122,000 ดอลลาร์ ตามที่ Perplexity สรุป
