หุ้นบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ฟื้นคืนชีพกลับสู่ความร้อนแรงรอบใหม่ หลังจากถูกถล่มจนทรุดหนักหลายวัน และไม่อาจคาดหมายว่า หุ้นจะถูกลากขึ้นทะลุทะลวงถึงจุดไหน แมลงเม่าจะล้มตายอีกเท่าไหร่
คงไม่มีคำเตือนถึงอันตรายหุ้น MGI แล้ว และต้องปล่อยให้นักเก็งกำไรที่ไม่กลัวตายเข้าไปเสี่ยงภัยแลกหมัดวัดวงกันเอง
เพราะทั้งตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และหลายฝ่ายที่เป็นห่วงเป็นใยนักลงทุนรายย่อยได้ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเตือนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ต่อจากนี้เป็นการตัดสินใจของนักลงทุนแต่ละรายว่าจะหลีกเลี่ยง หลบหนี ถอยให้ไกลจาก MGI หรือจะตามแห่กันเข้าไปเล่นกับไฟ
แต่ประเด็นใหม่ที่ได้รับความสนใจคือ การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เชิญผู้บริหาร MGI เข้าพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงข้อกังวลต่างๆ ของ ก.ล.ต.และความคาดหวังกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.ระบุว่า การเชิญผู้บริหาร MGI เข้าพบ เป็นเรื่องปกติ โดยเป็นการพูดคุยปกติ และเคยดำเนินการกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอื่นมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการหารือกับผู้บริหาร MGI ได้ เพียงแต่บอกถึงความคาดหวังของ ก.ล.ต.กับบริษัทจดทะเบียนให้รับทราบ
ขณะที่นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการและโฆษก ก.ล.ต.เปิดเผยว่า กรณีที่ ก.ล.ต.รู้สึกว่า มีอะไรที่ไม่ถูกต้องจะเชิญบริษัทจดทะเบียนมาพูดคุยประเด็นที่สงสัย เพื่อให้เกิดความเข้าใจและแก้ไข
ส่วนการที่ผู้บริหารจดทะเบียนนำข้อมูลการซื้อขายหุ้นของบุคคลใดมาเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย ต้องดูว่าเป็นหน้าที่ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์มีกลไกการให้ข่าวของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน และการสอบถามข้อมูลบริษัทจดทะเบียน หากการให้ข่าวมีผลกระทบกับราคาหุ้น
การซื้อขายหุ้น MGI มีความไม่ปกติ จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นสูงสุด การที่ ก.ล.ต. เชิญผู้บริหาร MGI จึงไม่ใช่วาระปกติแน่
และผู้บริหาร ก.ล.ต. คงไม่ว่างพอที่จะเชิญผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนรายใดไปนั่งคุยทำความรู้จักกับตามปกติ แต่จะเชิญไปปรับทัศนคติการเป็นผู้บริหารจดทะเบียนว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และควรให้ข่าวในลักษณะเชียร์หุ้นตัวเองหรือไม่
การเรียกผู้บริหาร MGI เข้าปรับทัศนคติ จริงแล้วไม่ควรเป็นภารกิจของเลขาธิการ ก.ล.ต.
เพราะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจะต้องได้รับการอบรม แนะนำหลักการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ดี รู้จักมารยาทและกติกาของตลาดหลักทรัพย์ ก่อนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนแล้ว
ก.ล.ต.ไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอนสั่งและบ่มเพาะอุปนิสัยกันอีก
การที่ผู้บริหาร MGI โพสต์ข้อความในลักษณะกระตุ้นราคาหุ้นอย่างต่อเนื่องแทบจะเป็นรายวัน เข้าข่ายการเชียร์และชี้นำหุ้นนั้น ถ้า ก.ล.ต.เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ปกติคงไม่เรียกผู้บริหารเข้าพบ
การเรียกผู้บริหาร MGI เข้าพบจึงน่าจะเตือนพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม ซึ่งควรเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ว่า
ผู้บริหาร MGI มีพฤติกรรมอย่างไร
แต่เลขาธิการ ก.ล.ต. กลับปิดปากเงียบ อ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยได้ ทำให้เกิดคำถามว่า มีความลับกันนักหนา จึงเผยแพร่เบื้องหลังการเรียกผู้บริหาร MGI ไม่ได้
ทั้งที่ ก.ล.ต.ควรระบุให้ชัดเจนถึงพฤติกรรมการโพสต์ข้อความที่ส่งผลต่อราคาของผู้บริหาร MGI ซึ่งอาจหมิ่นเหม่ต่อการเชียร์หรือชี้นำหุ้น สร้างความเสียหายให้นักลงทุน
และถ้ามีการตำหนิ ตักเตือน หรือคาดโทษผู้บริหาร MGI ควรอย่างยิ่งที่จะเปิดเผย อย่างน้อยจะเป็นคดีตัวอย่างสำหรับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอื่น
แต่ ก.ล.ต.ทำงานเหมือนเกรงใจผู้บริหาร MGI ทำหน้าที่รักษาหน้า ไม่ยอมเปิดเผยถึงพฤติกรรมที่อาจไม่เหมาะสม จนถูกเรียกปรับทัศนคติ ซึ่งผู้บริหาร MGI ไม่ใช่รายแรกที่ถูก ก.ล.ต.เชิญพบ แต่ ก.ล.ต.กลับอมพะนำเก็บเรื่องเงียบ
ทั้งที่ควรเปิดข้อมูลให้นักลงทุนรับรู้ เพื่อระมัดระวังบริษัทจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ไม่น่าไว้วางใจ
หายนะของนักลงทุนครั้งใหญ่จากหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ทำให้หมดข้อสงสัยโดยสิ้นเชิงว่า ทำไม ก.ล.ต.จึงตกเป็นเป้าโจมตีในความผิดพลาด หละหลวม และล้มเหลวในมาตรการกำกับดูและบริษัทจดทะเบียน
การปกปิดข้อมูลการเรียกผู้บริหาร MGI เข้าพบปรับทัศนคติ แทนที่จะตีแผ่พฤติกรรมที่เข้าข่ายความไม่เหมาะสมหรือเชียร์หุ้น สะท้อนให้เห็นว่า
ก.ล.ต.คือองค์กรที่แสนดี ให้ความสำคัญกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนมากกว่าความตระหนักในความเสียหายของประชาชนผู้ลงทุน
ก.ล.ต.ทำหน้าที่รักษาหน้าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอย่างสุดตัว แม้มีพฤติกรรมที่อาจสร้างความเสียหายให้นักลงทุนก็ตาม