เพจนักบิน ให้ความรู้เกี่ยวกับเวลาที่ควรอพยพผู้โดยสารหากเกิดเหตุฉุกเฉินกับเครื่งบิน ชี้ 90 วินาทีคือเวลาก่อนผู้โดยสารจะสำลักควันจนเสียชีวิต เตือนอย่าเล่นกับไฟ ยันไม่ควรนั่งอยู่บนเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุ เพราะคุณกำลังนั่งบนเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ และความร้อนมหาศาล
จากกรณีเหตุการณ์สุดระทึก สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD108 เส้นทางดอนเมือง-เชียงราย ผู้โดยสาร 164 ท่าน พร้อมลูกเรือ 6 ท่าน ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 20.03 น. (เวลาท้องถิ่น) และถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เวลา 21.06 น. ขณะที่นักบินกำลังนำเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายมีฝนตกหนัก ทำให้เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์ และนักบินสามารถจอดเครื่องได้อย่างปลอดภัย และนำผู้โดยสารพร้อมลูกเรือทั้งหมดลงจากเครื่องเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ต่อมา พบว่าผู้โดยสารรายหนึ่งโพสต์ตำหนิแผนการจัดการอพยพผู้โดยสารของสายการบิน "นกแอร์" ว่าแย่และช้ามากหลังไถลหลุดรันเวย์ บอกทิ้งอยู่บนเครื่องเป็นชั่วโมงต้องบ่นหายใจไม่ออกจึงจะให้ออกจากเครื่อง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ก.ค. เพจ "I’m from Andromeda" ซึ่งมีประสบการณ์การบินกว่า 12 ปี ได้ออกมาโพสต์ข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชี้ว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น มีการระบุว่าจะต้องมีการอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินภายใน 90 วินาที ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวปฏิบัติของสายการบิน "นกแอร์" ที่ให้ผู้โดยสารนั่งอยู่บนเครื่องนานเป็นชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
"ตัวเลข 90 วินาที เป็นเลขที่คุณต้องจดจำเอาไว้หากต้องพิจารณาขึ้นเครื่องบินหรือสายการบินลำใดลำหนึ่ง มันคือตัวเลขที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ FAA ได้ทดลองเอาไว้ว่าเป็นเวลาที่ช้าที่สุดที่ผู้โดยสารทุกคนควรอพยพออกจากเครื่องบินหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
90 วินาทีมาจากไหน?
ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 มีการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะเพลิงไหม้หลังจากเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ ในเดือนเมษายน และกันยายน ค.ศ. 1964 FAA ได้ทำการทดสอบจำลองการชนและเพลิงไหม้ของเครื่องบินโดยใช้เครื่องบินดักลาส DC7 และล็อกฮีด L1649 โดยติดตั้งกล้องความเร็วสูงไว้ภายในเครื่องบินและรอบๆ พื้นที่ภายนอก เพื่อบันทึกผลกระทบของเครื่องบิน หุ่นนักบินจำลอง และผู้โดยสารจำลอง จากการวิจัยพบว่ามี “ไฟ” 2 แบบที่เกิดขึ้นและคร่าชีวิตคนบนเครื่องบิน อย่างแรกคือ ไฟที่เกิดขึ้นบนวัสดุและอุปกรณ์บนเครื่องบิน มันจะค่อยๆ ลุกลามพร้อมควันมหาศาลและจะแผดเผาไปทั้งลำในที่สุด และอีกประเภทคือ “Flashover” ที่เชื้อเพลิงบนเครื่องบินเกิดการไหม้และทำให้เกิดเปลวไฟการลุกท่วมในชั่วพริบตา
จากการทดสอบครั้งนั้นระบุว่า แม้ว่าโครงสร้างในห้องโดยสารจะแข็งแรงขนาดไหน แต่หลังจาก 120 วินาทีคือระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้โดยสารจะสำลักควันไฟจนเสียชีวิตรวมไปถึงโดนไฟคลอกจนเสียชีวิต FAA จึงได้ปรับลดเวลาเหลือ 90 วินาทีเพื่อความปลอดภัย และใช้ตัวเลขนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จงจำไว้ว่า หากคุณรอดพ้นจากอุบัติเหตุเครื่องบินไม่ว่าจะชนิดใดรูปแบบใด อย่าคิดว่าตนเองปลอดภัยแล้วจนกว่าจะได้ออกจากเครื่องบิน เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดคือ “ไฟ” และ “ควันไฟ”
ข้อมูลจาก FAA ระบุว่า ในอดีตอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เครื่องบินไม่ได้ชนรุนแรง ผู้โดยสารที่ยังรอดชีวิตกลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่จำเป็นจากการสำลักควันไฟเพราะไม่สามารถอพยพออกจากเครื่องบินได้ทัน ในบันทึกยังระบุว่าอาจมีผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นหากผู้โดยสารได้ฟังวิธีการขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีการกำกับการอพยพฉุกเฉินบนเครื่องบินอย่างเหมาะสม
ดังนั้น หากคุณสังเกตจากเหตุการณ์ในอดีต จากข่าว หรือแม้แต่มองเห็นการปฏิบัติของลูกเรือในสายการบินนั้นๆ แล้วคุณรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะออกได้ภายใน 90 วินาที เปลี่ยนสายการบินเถอะครับ เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาอะไรได้อีกหากต้องอยู่บนฟ้า
ต่อไปแอดมินขอให้ความเห็นในฐานะที่เป็นนักบินมาเป็นเวลา 12 ปี หากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือพื้นรันเวย์หรือพื้นดินจะกระทบกับสิ่งที่ไม่ควรกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ หรือถังที่บรรจุเชื้อเพลิงเอาไว้ การครูดกันนี้ทำให้เกิดความร้อน ซึ่งความร้อนก็ก่อให้เกิดไฟ
ไฟที่จะเกิดบนเครื่องบินจงจำไว้ว่า ไม่ว่าฝนจะตกหนัก หรือรันเวย์จะเปียกแค่ไหน มันไม่ได้ช่วยให้ไฟดับแต่อย่างใด และแม้ว่าจะดับเครื่องยนต์ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นไม่ได้รับประกันว่าไฟจะไม่ไหม้ สิ่งที่ควรทำเร็วที่สุดหากผมเป็นกัปตันในเที่ยวบินนั้น คือการสั่งให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินให้เร็วที่สุด เพราะคุณไม่มีทางมั่นใจใดๆ ว่าเครื่องบินจะไม่เป็นอะไรอีกหลังจากนั้น
ถ้าหากไม่มั่นใจ ก็ควรสั่งอพยพ ไม่มีใครควรต้องมานั่งบนเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุเป็นชั่วโมง จงคิดเอาไว้เสมอว่าการนั่งเครื่องบินคือการนั่งบนเชื้อเพลิงขนาดใหญ่หลายสิบตันพร้อมไฟฟ้าและความร้อนมหาศาล ดังนั้นหากสิ่งที่คุณนั่งทับอยู่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ไม่ควรอพยพออกจากมัน"