xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ เล็งยอดปล่อยกู้ ESG ปีนี้แตะแสนล้าน เดินหน้าผลักดันลูกค้าเปลี่ยนผ่านเติบโตยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพิพิธ อเนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารกำหนดเป้าหมายสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (ESG) โดยในปี 2573 จะมียอดคงคงค้าง 200,000 ล้านบาท โดย 2 ปีที่แล้วมียอดปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 74,000 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้โดยรวมยอดสินเชื่อจะแตะ 100,000 ล้านบาท โดยเน้นเปลี่ยนผ่านใน 4 กลุ่ม ได้แก่ น้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ซีเมนต์ และพลังงาน ซึ่งแนวโน้มในอนาคตมองว่าพลังงานจากโซลาร์และลมจะเข้ามาทดแทนพลังงานจากฟอสซิลได้ในสัดส่วน 50:50

พร้อมกันนั้น ธนาคารกสิกรไทยพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานภายในของธนาคารเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและยกระดับมาตรฐานสู่สากล รวมทั้งพัฒนาบริการที่มากกว่าบริการทางการเงิน (Beyond Banking Solutions) เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญนำโซลูชันต่างๆ พร้อมทั้งแนวคิดที่ดีมาปรับใช้ รวมถึงการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน ล่าสุด จัดเสวนาแห่งปี “RETHINK SUSTAINABILITY: A CALL TO ACTION FOR THAILAND" ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าระดับโลกและประเทศไทยที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการลงทุน เพื่อมุ่งไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนในเชิงความคิดเท่านั้น แต่เป็นงานเสวนาที่ต้องการจุดประกายให้เกิดการลงมือทำเพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศไทยให้เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมแห่งความยั่งยืนในอนาคต

"สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือทำอย่างไรจะให้ลูกค้าปรับตัวไปได้ด้วยกัน เพื่อเป็น winner ไม่ต้องมี loser ด้วยการสนับสนุนทั้งทางด้านการเงิน และ Beyond Banking Solutions ขณะที่ตัวธนาคารเองต้องมีการปรับตัวเองเช่นกัน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพราะในที่สุดเราต้องไปสู่มาตรฐานโลก และจะดีที่สุดที่จะมีแต่ winner ไม่ต้องมี loser"

นายอูแบร์ เคลเลอร์ Senior Managing Partner, Lombard Odier กล่าวว่า เราอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero ซึ่งมาพร้อมโอกาสในการลงทุนอย่างมหาศาล ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลง โดยหันมาให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ซึ่งจากการประชุม COP28 เห็นได้ชัดว่าทรัพยากรมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจระดับโลก ระบบอาหาร ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ดังนั้นระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยใช้แนวทางการฟื้นฟูธรรมชาติจะสามารถช่วยให้เราก้าวข้ามระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้ ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทย เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง และลอมบาร์ด โอเดียร์ ร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และเร่งให้เกิดแนวทางการปฏิบัติที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทั้งกับภาคเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจและชุมชน

"ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วขึ้น ราคาต่ำลง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนไปได้เร็วด้วย โดย 4 กลุ่มหลัก จะมีเรื่องของพลังงาน อาหาร ท่องเที่ยว และพลาสติก โดยกลุ่มพลังงานมีความก้าวหน้ามากที่สุด ในแง่ของการลงทุนนั้น หากธุรกิจเป็นประสบความสำเร็จไปแล้วก็จะแพง ดังนั้น เราจึงต้องมองถึงอนาคตว่าใครจะเป็นรายต่อไปเพื่อให้ได้รีเทิร์นที่ดี"

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เคแบงก์ ไพรเวท แบงกิ้ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำแนะนำการลงทุน เล็งเห็นว่านักลงทุนคือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวที่มีมูลค่ามหาศาลเท่านั้น แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจแห่งอนาคตไปสู่ความยั่งยืนได้ด้วย

"สถาบันการเงินถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ถ้าใช้ทรัพยากรทางการเงินไปในทางที่ถูก การคิดใหม่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ ซึ่งนอกจากจะสร้างความตระหนักรู้แล้ว จะต้องมีการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อไปสู่ net zero เพราะบางคนตระหนักรู้แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร การสัมมนาในครั้งนี้นอกจากจะ RE THINK SUSTAINABLE แล้ว ยังเสนอแนะแนวทางเพื่อให้เกิด ACTION PLAN ด้วย"
กำลังโหลดความคิดเห็น