xs
xsm
sm
md
lg

KBank Private Bankingชู4กลยุทธ์ปี67-พร้อมรับนลท.ขนเงินกลับบ้านหลังสรรพากรเก็บภาษี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) เผยปี 66 พอร์ต K-ALPHA ยังคงรักษาระดับผลตอบแทนได้ดี ในขณะเดียวกันสินทรัพย์นอกตลาดได้รับความสนใจต่อเนื่อง โดย 3 กองทุนที่เปิดใหม่ปีนี้ระดมทุนได้รวมกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาและส่งต่อความมั่งคั่งด้วยบริการที่ปรึกษาบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย
เปิดเผยว่า ในช่วงตลอดปี 2566 KBank Private Banking ได้ให้บริการลูกค้าประมาณ 13,269 ราย เพิ่มขึ้น 2%จากปีก่อน มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 857,251 ล้านบาท ลดลง 4% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาตลาด ขณะที่ บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ปัจจุบันมีลูกค้าที่ไว้วางใจใช้บริการรวมประมาณ 820 ครอบครัว คิดเป็น 39% ของลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งทั้งหมด รวมทรัพย์สินครอบครัวภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 1.9 แสนล้านบาท โดยในปี 2566 ได้เพิ่มบริการแก้ไขความขัดแย้งของครอบครัว (Reconciliation Service) เพื่อให้การวางแผนธุรกิจหรือทรัพย์สินกงสีของครอบครัวดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการที่ปรึกษาครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 4.2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ Land Loan for Investment เพื่อแปลงทรัพย์สินที่ดินมาเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.9 พันล้านบาท

"ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในและประเทศ สิ่งที่เราทำคือเอาความเสี่ยงเป็นตัวตั้งโปรเทคเงินลูกค้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน โดยพอร์ตที่เราแนะนำอย่าง K-ALPHA ในปีนี้มีผลตอบแทนดีขึ้นทั้ง 3 โมเดล ได้แก่ Conservation 1.5% , Moderate 1.4% และ Aggressive 1.3% ซึ่งผลตอบแทนที่ระดับ 1.3-1.5%ดังกล่าวแม้ว่าจะไม่สามารถเงินฝากกับเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมายที่ให้ไว้ แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับผู้ลงทุนเของเรา"

สำหรับทิศทางการลงทุน KBank Private Banking ประเมิน 3 แนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2567 ได้แก่ 1) เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่อได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยสหรัฐฯ สามารถเลี่ยงภาวะถดถอย ยุโรปค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่จีนกำลังรอมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม 2) เงินเฟ้อจะลดลง ธนาคารกลางจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2 หรือครึ่งหลังของปี และ 3) ตลาดจะจับตาประเด็นการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ รวมทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

โดยพอร์ตการลงทุนที่แนะนำคือ เงินลงทุนส่วนใหญ่ (50-70%) ให้ลงทุนเป็นพอร์ตหลักในกองทุนผสมแบบ Risk-based asset allocation และเงินลงทุนในพอร์ตเสริม (30-50%) ให้กระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้ เพราะดอกเบี้ยรับที่สูงกว่าอดีตและโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลง

"ในปี 2567 ธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและสานต่อโซลูชัน 4 เสาหลัก ที่ประกอบไปด้วย การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก การลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ซึ่งเราเชื่อว่าโซลูชันเหล่านี้ ยังคงสอดคล้องกับสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจ"

**เตรียมรับนักลงทุนขนเงินกลับก่อนสรรพากรเก็บภาษี**
นายจิรวัฒน์กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากธุรกิจหลักดังกล่าวแล้ว ยังมีส่วนของการบริหารจัดการเงินลงทุนในต่างประเทศของลูกค้าบุคคลซึ่งทางกรมสรรพากรมีประกาศจะจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าที่มีเงินลงทุนในต่างประเทศในรูปแบบต่างๆเข้ามสปรึกษาในการนำเงินกลับ ซึ่งเท่าที่สอบถามเมื่อนำกลับเข้ามาส่วนใหญ่ก็อยากจะกลับไปลงทุนในรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากในต่างประเทศ หรือหุ้นต่างประเทศซึ่งจะไม่เสียภาษีดังกล่าวเมื่อลงทุนผ่านกองทุน ทาง KBank Private ก็จะต้องหาผลิตภัณฑ์ต่างเพื่อตอบสนองกับนักลงทุนกลุ่มนี้ซึ่งมีเม็ดเงินค่อนข้างสูง ทั้งนี้ โดยรวมๆแล้ว เราคาดการณ์ว่ารายได้รวมน่าจะเติบโตได้ประมาณ 15-20%
กำลังโหลดความคิดเห็น