หุ้นบริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI กำลังสร้างประวัติศาสตร์เป็นหุ้นร้อนแรงที่สุด ตามรอยหุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS
JTS ได้สร้างตำนานการเป็นหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นแรงที่สุดนับจากก่อตั้งตลาดหุ้นเมื่อปี 2518 โดยภายในเวลา 1 ปี 3 เดือน หุ้น JTS ทะยานขึ้น 30,262.94%
จากจุดปิดที่ราคา 1.93 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 วิ่งระเบิดเถิดเทิง ฝ่าขวากหนามการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายของตลาดทรัพย์นับไม่ถ้วน จนวิ่งขึ้นมาปิดที่ 586 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565
นอกจากการสร้างมหัศจรรย์หุ้นถูกลากขึ้นกว่า 30,000% แล้ว JTS ยังสร้างมหัศจรรย์ซ้ำสอง โดยราคาถูกทุบจาก 586 บาท ทรุดฮวบลงมาเหลือ 23 บาทเศษ ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งถือเป็นการกบลับบ้านเก่าของ JTS โดยล่าสุดราคาหุ้นเคลื่อนไหวแถว 80 บาท
นักลงทุนรายย่อยที่ตามแห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้น JTS และขายหนีออกมาไม่ทัน ล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วง
สำหรับ MGI กำลังตามรอย JTS เพราะตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาด MAI เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ก็วิ่งระเบิดเถิดเทิงเหมือนกัน แม้จะถูกตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายอย่างถี่ยิบ แต่หุ้นไม่สะทกสะท้าน ลากกันขึ้นไปต่อชนิดสวนควันปืน ฉีกหน้าตลาดหลักทรัพย์ที่พยายามสยบความร้อนแรงของ MGI จนล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถูกลากขึ้นมาปิดที่ 50 บาท แม้จะมีมาตรการกำกับการซื้อขายคาอยู่ก็ตาม
จากราคาจอง 4.95 บาท ภายในเวลา 2 เดือนเศษ MGI สร้างมหัศจรรย์ทะยานขึ้นมาที่ 50 บาท สูงกว่าจอง 45.05 บาท หรือสูงกว่าจอง 910.10% และไม่รู้ว่าจะถูกลากขึ้นดอยไปสูงสุดที่จุดใด เพราะหุ้นไม่มีสัญญาณจะหยุดพักเหนื่อย โดยอาจถูกลากขึ้นไปเรื่อยๆ
ขณะที่นายณวัฒน์ อิศรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ MGI ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กตัวเอง คุยโน่นพูดนี่ในเชิงบวกกับหุ้นตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องเฝ่าตรวจสอบติดตามว่าจะเข้าข่ายการเชียร์ หรือชี้นำหุ้นตัวเองหรือไม่
เพราะตามหลักการหรือโดยมารยาทแล้ว เจ้าของหุ้นไม่ควรออกมาเชียร์หุ้นตัวเอง และมีตัวอย่างการลงโทษเจ้าของหุ้นที่เชียร์หุ้นตัวเองแล้ว กรณีแอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บรืหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ซึ่งถูก ก.ล.ต.ลงโทษปรับวงเงิน 2.16 ล้านบาท ในความผิดเผยแพร่ข้อความอันก่อให้เกิดผลกระทบต่อราคาหุ้น หรือเข้าข่ายการเชียร์หุ้นตัวเอง
ก.ล.ต.จะต้องตรวจสอบพฤติกรรมนายณวัฒน์ ที่โพสต์ข้อความเชิงบวกต่อหุ้น MGI ไม่เว้นแต่ละวันว่าเข้าข่ายความผิดเชียร์หุ้น ซ้ำรอยคดี ”แอน จักรพงษ์” หรือไม่
ค่าพี/อี เรโช ของ MGI พุ่งขึ้นไป 88 เท่าแล้ว ซึ่งถือว่าสูงมาก สะท้อนกลับมาถึงราคาหุ้นที่แพงมากและมีความเสี่ยงสูง
แต่ตลาดหลักทรัพย์จะมีมาตรการใดเพื่อปกป้องประชาชนผู้ลงทุนไม่ให้เกิดความเสียหายจากหุ้น MGI เพราเชื่อว่า ยังมีนักลงทุนรายย่อยบางส่วนแห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้น MGI อยู่ เพราะทนราคาที่ถูกลากขึ้นอย่างยั่วยวนไม่ไหว
ตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นขั้นสูงสุดไปแล้ว แต่เอาหุ้น MGI ไม่อยู๋ คำถามต่อไปคือ จะมีมาตรการใดดับซ่าหุ้นตัวนี้ได้หรือไม่
นักลงทุนในตลาดหุ้นกำลังเฝ้าจับตาว่า ตลาดหลักทรัพย์จะจัดการอย่างไรกับหุ้น MGI เพราะเห็นกันอยู่ว่า ราคาที่ถูกลากขึ้นมาชน 50 บาท เกิดจาการซื้อขายที่ผิดปกติ
หุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติเพียงตัวเดียว ถ้าแก้ไม่ได้ สยบความร้อนแรงไม่ได้ จะตอกย้ำถึงความไร้สมรรถภาพของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์
ตอนนี้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ต้องนั่งสุมหัวกันแล้วล่ะทำอย่างไรจะสะกดหุ้น MGI ให้อยู่หมัด ไม่ปล่อยให้ลากล่อแมลงเม่าบินเขากองไฟอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน
และประจานความล้มเหลวแอย่างสิ้นเชิงของมาตรการกำกับและควบคุมการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติ โดยเฉพาะหุ้น MGI
