บริษัทจดทะเบียนที่โหนกระแสคริปโตเคอร์เรนซี ประกาศตั้งเหมือนขุดบิตคอยน์เพื่อปั่นราคาหุ้น ล่อลวงนักลงทุนให้ตกเป็นเหยื่อ กำลังร้อนๆ หนาวๆ หลังกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) บุกตลาดหุ้น
ตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างข่าวตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ ปั่นราคาหุ้น โดยอาจมีบางบริษัทไม่มีการตั้งเหมืองจริง
การตรวจสอบเบื้องต้นของ ปอศ.พบว่า บริษัทจดทะเบียนที่ประกาศแผนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีมีทั้งหมด 25 บริษัท โดยมีรูปแบบลงทุนที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ลงทุนตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ โดยทยอยซื้อเครื่องขุด ซึ่งอาจเป็นกระแสที่กระตุ้นราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้น ทั้งที่นับแต่ปี 2564 ยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนรายใดมีรายได้ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับบริษัทจดทะเบียนอย่างน้อย 10 แห่ง เผยแพร่ข่าวสารหรือให้ข้อมูลต่อประชาชนผ่านสื่อต่างๆ ซึ่ง ปอศ.พบความผิดปกติการซื้อขายหุ้นหรือการปั่นหุ้น โดยไม่ปรากฏพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทจดทะเบียน และได้ส่งข้อมูลการตรวจสอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
หากพบความผิดสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีบริษัจดทะเบียนที่ตั้งเหมืองทิพย์ โดยไม่มีการทำเหมืองขุดคริปโตฯ จริง
การกำกับดูแลและการตรวจสอบการกระทำผิดในตลาดหุ้น โดยปกติเป็นอำนาจหน้าที่ของ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่การตรวจสอบการปั่นกระแสตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ เพื่อปั่นราคาหุ้น ปอศ.โดดเข้าร่วมวง บุกตลาดหุ้นตรวจสอบพฤติกรรมบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในข่ายสงสัยว่า จะปล่อยข่าวกระตุ้นราคาหุ้นเพื่อให้นักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไร จนอาจเกิดความเสียหายได้
ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 บริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศแผนลงทุนตั้งเหมือนขุดบิตคอยน์ โดยบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS เป็นบริษัทจดทะเบียนลำดับต้นๆ ที่ประกาศลุยตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ โดยตั้งเป้าปี 2567 จะมีเครื่องขุด จำนวน 50,000 เครื่อง มีสัดส่วนกำลังขุด 5% ของกำลังขุดทั้งโลก
ราคาหุ้น JTS พุ่งทะยานอย่างร้อนแรงสุดขีด ตั้งแต่ต้นปี 2564 จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565
บริษัทจดทะเบียนนับ 10 แห่ง ตามแห่โหนกระแสเหมืองขุดบิตคอยน์ ประกาศทุ่มเงินลงทุนซื้อเครื่องขุด ทั้งที่หลายบริษัทไม่ได้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด แต่หวังสร้างข่าวเพื่อปั่นราคาหุ้น ซึ่งได้ผล เพราะบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศตั้งเหมืองขุดคริปโตฯ ราคาหุ้นมักดีดตัวขึ้น
แต่หุ้นเหมืองขุดคริปโตฯ ปรับตัวขึ้นได้เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ก่อนจะปรับตัวลง โดยช่วงที่ราคาหุ้นขึ้น นักลงทุนรายใหญ่หรือเจ้ามืออาจถือโอกาสขายหุ้นทำกำไรจากการสร้างข่าวตั้งเหมืองขุดคริปโตฯ ขณะที่นักลงทุนรายยอยที่เก็งกำไรหุ้นเหมืองคริปโตฯ กลายเป็นเหยื่อ ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูง และได้รับความเสียหาย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์แทบทุกสำนักเตือนนักลงทุนมาตลอดอย่าเก็งกำไรหุ้นเหมืองคริปโตฯ เพราะไม่อาจประเมินผลตอบแทนของบริษัทจดทะเบียนที่ลงทุนตั้งเหมืองขุดคริปโตฯ ได้ โบรกเกอร์บางสำนักมองว่า เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าด้วยซ้ำ
แต่นักลงทุนบางส่วนหลงในโฆษณชวนเชื่อของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน จนเจ็บตัวกันเป็นแถว
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัจดทะเบียนที่ปั่นกระแสเหมืองขุดบิตคอยน์เพื่อปั่นราคาหุ้นอาจต้องชดใช้เวรกรรมที่ก่อ เพราะ ปอศ.กำลังผนึกกำลังกับ ก.ล.ต. เพื่อกวาดล้าง ดำเนินคดีแก๊งปั่นกระแสเหมืองขุดบิตคอยน์ ซึ่งจะต้องรอดูว่าหุ้นเหมืองขุดบิตคอยน์ตัวไหนจะต้องเซ่นสังเวยการปราบปราบบริษัทจดทะเบียนที่สร้างข่าวปั่นราคาหุ้น
การที่ ปอศ.เข้ามาช่วย ก.ล.ต.ในการตรวจสอบการกระทำผิดในตลาดหุ้น สร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุน เป็นปรากฏการณ์ที่ดี และการกวาดล้างบริษัทจดทะเบียนที่ปั่นกระแสเหมืองขุดคริปโตฯ เพื่อปั่นราคาหุ้น น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นการทำงานของตำรวจในการกำจัด กวาดล้างแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้น ไม่เฉพาะแก๊งปั่นกระแสคริปโตฯ เท่านั้น
ถ้าตลาดหุ้นเป็นเขตปลอดแก๊งมิจฉาชีพ ไม่เกิดการปล้นนักลงทุนในรูปแบบต่างๆ การซื้อขายหุ้นเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตลาดหุ้นจะน่าลงทุนมากกว่าทุกวันนี้