ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปักธงแดงประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายระดับสูงสุด หุ้นบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ทันทีที่ปิดการซื้อขายวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน
ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย P พักการซื้อขายหุ้น 1 วันทำการ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เนื่องจากการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
หุ้น MGI พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่อง แม้จะถูกมาตรการกำกับการซื้อขายหลายครั้งอย่างถี่ยิบก็ตาม แต่ไม่อาจดับความร้อนแรงของหุ้นที่ดำเนินธุรกิจประกวดนางงามตัวนี้ได้ โดยราคายังพุ่งทะยานสร้างจุดสูงสุดใหม่
จนวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาถูกลากขึ้นมาปิดที่ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.97% มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น198.94 ล้านบาท โดยไม่มีข่าวหรือปัจจัยใดสนับสนุน
MGI เข้าซื้อขายในตลาด MAI เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคา 4.95 บาท โดยเปิดการซื้อขายครั้งแรกที่ราคา 6.25 บาท และลงไปต่ำสุดที่ราคา 6.20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ได้เห็นอีกเลย ก่อนปิดการซื้อขายวันแรกที่ 8.50 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.55 บาท หรือสูงกว่าจอง 51.51% มูลค่าซื้อขาย 1,329.38 ล้านบาท
การซื้อขายวันต่อๆ มา MGI ยังถูกลากขึ้นไม่เลิก และลากจนชนเพดานสูงสุด 30% สองวันติด ก่อนระหว่างพักการซื้อขายภาคเช้าวันที่ 21 ธันวาคม 2566 หลังซื้อขายได้ 5 วันทำการ ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกประกาศเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขายหุ้น เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวอย่างผันผวน
แต่คำเตือนของตลาดหลักทรัพย์เพียงแค่ชะลอความร้อนแรงของ MGI ได้เพียงชั่วครู่ ก่อนราคาจะกลับมาวิ่งใหม่ จนต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหลายครั้งติดต่อ
ครั้งแรกถูกประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นที่ 1 กำหนดต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสดหรือบัญชีแคชบาลานซ์ และห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายหุ้น มีผลระหว่างวันที่ 2 มกราคมถึง 18 มกราคม 2567
แต่ไม่อาจสยบความร้อนแรงของราคาหุ้นได้ ตลาดหลักทรัพย์จึงขยายมาตรการกำกับการซื้อขายต่อไป ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมถึง 8 กุมภาพันธ์ 2567
ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตลาดหลักทรัพย์จึงประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นที่ 2 มีผลถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ กำหนดต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสด ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายหุ้น และห้ามหักลบกลบค่าชำระราคาซื้อขายหุ้นในวันเดียวหรือห้ามเน็ตเซ็ทเทิลเมนต์
แต่หุ้นกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถูกลากขึ้นต่อไป จนตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยพักการซื้อขาย 1 วัน
ภายในเวลา 2 เดือนเศษ นับจากเข้าซื้อขายวันที่ 14 ธันวาคม 2566 MGI กลายเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สร้างสถิติร้อนแรงสุดขีด และถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายถึง 4 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของหุ้นน้องใหม่
จากราคาจอง 4.95 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ 34.50 บาท MGI ปรับตัวขึ้น 29.55 บาท หรือเพิ่มขึ้น 596.96% และน่าจะเป็นหุ้นใหม่ที่ร้อนที่สุดในรอบหลายปี
แม้ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2566 MGI จะมีผลกำไรที่เติบโตก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิ 77.13 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 47.85 ล้านบาท แต่ค่าพี/อี เรโช พุ่งขึ้นไป 81 เท่าแล้ว ซึ่งถือว่าสูงและมีความเสี่ยงมาก หาก MGI ไม่สร้างสร้างผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดได้อย่างต่อเนื่อง
2 นักลงทุนขาใหญ่ นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี และนายสุระ คณิตทวีกุล ซึ่งได้รับการจัดสรรหุ้น MGI คนละประมาณ 2 ล้านหุ้น ได้ขายหุ้นออกไปแล้ว แถวราคาประมาณ 16 บาท ซึ่งช่วงที่ขายคงคิดว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว เพราะฟันกำไรเหนาะๆ คนละกว่า 20 ล้านบาท
แต่วันนี้นักลงทุนขาใหญ่ทั้งสองทำเงินหล่นหายไปกับหุ้น MGI คนละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทอย่างน่าเสียดาย
สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ได้รับการจัดสรรหุ้น MGI เชื่อว่าคงมีไม่กี่คนที่กินดีหมี หัวใจเสือ และถือหุ้นมาจนถึงวันนี้ เพราะส่วนใหญ่ทนความเย้ายวนของราคาไม่ไหว เทขายหุ้นเผ่นออกไปแทบจะหมดแล้ว
คำถามคือใครไล่เก็บหุ้น MGI ใครอยู่เบื้องหลังการลากหุ้น และมีข่าวดีอะไรที่นักลงทุนทั่วไปยังไม่รับรู้
แต่สิ่งที่รู้และสิ่งที่เห็นกันขณะนี้คือ หุ้น MGI ร้อนจัด จนตลาดหลักทรัพย์ต้องจัดหนัก ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายระดับสูงสุด หยุดการซื้อขาย 1 วัน
ไม่มีใครตอบได้ว่าการขึ้นเครื่องหมาย P พักการซื้อขาย 1 วัน จะดับร้อนหุ้นของนายณวัฒน์ อิสรไกรศีลได้หรือไม่