หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -6.62 จุด นักวิเคราะห์เผย หุ้นไทยร่วงวันนี้ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลดลง หลังแรงกดดัน จากปัจจัยความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐสูงกว่าตลาดคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ปรับเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,400 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,380 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 14 ก.พ. 2567 ปรับตัวลดลง -6.62 จุด หรือ -0.48% โดยปิดตลาดที่ 1,385.11 จุด มูลค่าซื้อขาย 36,773.49 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีลงมาเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,386.86 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,378.76 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 189 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 180 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 286 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,700.51 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -180.34 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,382.23 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า +498.62 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,361.29 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
2.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,319.23 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
3.JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,229.16 ล้านบาท ปิดที่ 24.40 บาท ลดลง 0.50 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,152.88 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 994.84 ล้านบาท ปิดที่ 79.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTGC ปิดที่ 37.00 บาท ลดลง 1.25บาท หรือ 3.50%
2.CK ปิดที่ 23.40 บาท ลดลง 1.30บาท หรือ 5.88%
3.SISB ปิดที่ 39.00 บาท ลดลง 0.75บาท หรือ 1.96%
4.TOP ปิดที่ 56.50 บาท ลดลง 0.75บาท หรือ 1.35%
5.BCP ปิดที่ 43.50 บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 1.16%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KCE ปิดที่ 40.50บาท ลดลง 4.50บาท หรือ 10.00%
2.DELTA ปิดที่ 79.00บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 3.66%
3.HANA ปิดที่ 46.75บาท ลดลง 2.25บาท หรือ 4.59%
4.BH ปิดที่ 244.00บาท ลดลง 2.00บาท หรือ 0.81%
5.APPE ปิดที่ 86.50บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 1.70%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,873.57 จุด ลดลง -13.20 จุด หรือ -0.70% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 844.51 จุด ลดลง -6.43 จุด หรือ -0.76% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 418.94 จุด ลดลง -0.37 จุด หรือ -0.09%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกงและจีนที่หยุดไปช่วงตรุษจีนกลับมาเปิดทำการดีดขึ้นมาได้ โดยที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐสูงกว่าตลาดคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ปรับเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาก และทำให้นักลงทุนต่างชาติขายออก กดดันตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะแรงขายที่ออกมามากจากกลุ่มพลังงาน ไฟแนนซ์ และค้าปลีก รวมถึงหุ้นใหญ่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลง มีผลกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
"ประเมินภาพแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ หลังจากรับรู้ปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐไปมากแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สกลับมาเป็นบวกแล้ว แนะจับตาความคืบหน้าจากการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ Digital wallet และติดตามการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มองกรอบดัชนีแนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด" นายชัยพร กล่าวทิ้งท้าย