หุ้นไทยปิด -0.15 จุด โบรกฯเผยสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนดอลล่าร์แข็งค่า อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกดดันค่าเงินเอเชีย ทำให้ต่างชาติชะลอลงทุนลง มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,380 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,395-1,400 จุด แนะจับตาปัจจัยต่างประเทศได้แก่ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่วนปัจจัยในประเทศยังอยู่ที่การประชุม ครม.-กนง. และความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 5 ก.พ. 2567 ปรับตัวลดลง -0.15 จุด หรือ -0.01% โดยปิดตลาดที่ 1,383.93 จุด มูลค่าซื้อขาย 41,218.21 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆโดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,389.67 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,379.86 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 246 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 186 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 227 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +160.34 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า+221.67 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -90.20 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -291.81 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,375.90 ล้านบาท ปิดที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,316.98 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.TTB มูลค่าการซื้อขาย 1,116.36 ล้านบาท ปิดที่ 1.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,070.39 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 999.95 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.HANA ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ3.61%
2.AEONTS ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาท หรือ 0.98%
3. KCE ปิดที่ 45.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.26%
4.AOT ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.59%
5.MOSHI ปิดที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาท หรือ 1.43%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 272.00 บาท ลดลง 4.00บาท หรือ 1.45%
2.BH ปิดที่ 239.00บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.24%
3.ADVANC ปิดที่ 219.00บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.90%
4.CPN ปิดที่ 62.50บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 2.72%
5.CRC ปิดที่ 32.25บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.27%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,876.39 จุด ลดลง -0.92 จุด หรือ -0.05% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 846.52 จุด ลดลง -0.79 จุด หรือ -0.09% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 410.56 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด หรือ 0.38%
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งทรงตัวออกด้านข้าง ลดความร้อนแรงลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างดี ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งบวก-ลบผสมผสาน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) พุ่งขึ้น กดดันค่าเงินเอเชีย ส่งผลกระทบให้ต่างชาติชะลอการลงทุน
อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ แต่ยังมีแรงซื้อเข้ามาช่วยประคองตลาดในหุ้นขนาดใหญ่ ได้แก่ AOT ,TTB ,BDMS และ CPALL ได้บ้าง โดยประเมินว่ายังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าอยู่
"แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีทรงตัว โดยนักลงทุนรอติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทย รวมทั้งรายงานความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ปัจจัยภายนอกติดตามประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของจีนในสัปดาห์นี้ ให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,395-1,400 จุด" นายวีระวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย