xs
xsm
sm
md
lg

SABINA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% ขยายตัวทุกช่องทางขาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ซาบีน่า เผยแผนปี 2567 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน มั่นใจเติบโตทุกช่องทางขาย ทั้งค้าปลีก (Retail) ออนไลน์ (NSR) และรับจ้างผลิต (OEM) โดยเฉพาะช่องทางรับจ้างผลิตที่สัญญาณดีขึ้นชัดเจน หลังลูกค้าต่างประเทศเริ่มลงออเดอร์จนกลับมาเท่าภาวะปกติ ขณะที่ผลงานปี 2566 ทำรายได้ทุบสถิติใหม่ที่ 3,295 ล้านบาทได้สำเร็จ เผยปีนี้เดินหน้าลุยต่อแบบไม่พัก งัดกลยุทธ์ “เอซ” (ACE) ทำตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ

น.ส.ดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า SABINA ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2567 ไว้ที่ระดับ 10% จากปีก่อน โดยมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตในทุกช่องทางขาย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางค้าปลีก (Retail) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 63% ของรายได้ยอดขายรวม ช่องทางออนไลน์ (Non Store Retailing หรือ NSR) ที่มีสัดส่วนรายได้ 30% และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่มีสัดส่วนรายได้ 7% โดยในปีนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะคงสัดส่วนรายได้ในแต่ละช่องทางไว้ในระดับเดิม

“เรามั่นใจว่าในปีนี้ยอดขายจะเติบโตได้ทุกช่องทาง หลังจากปี 2566 ที่ผ่านมา ผลงานออกมาดีกว่าที่คาดไว้ และทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้สำเร็จ จากรายได้สูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 3,295 ล้านบาทในปี 2562 โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการมุ่งเน้นพัฒนาและปรับปรุงทุกช่องทางขายด้วยหลักลดความสูญเปล่า เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทุกขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ มุ่งเน้นการวางแผนอย่างเป็นระบบให้ทุกๆ หน่วยงานทำงานสอดคล้องไปกับแผนการตลาดที่วางไว้ ทำให้สินค้าและบริการของ SABINA สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทันที ซึ่งในปีนี้เราจะเดินหน้าสร้างความต่อเนื่อง เพื่อสร้างสถิติยอดขายสูงสุดใหม่ให้ได้อีกครั้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว

สำหรับปี 2567 ปัจจัยบวกที่สำคัญมาจากการกลับมาของช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่เริ่มดีขึ้น โดยจนถึงขณะนี้มียอดจองผลิตกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งถือว่าเป็นระดับปกติ จากปี 2563-2566 ที่การลงออเดอร์ของลูกค้าต่างประเทศทั้งยุโรปและสหราชอาณาจักรมีความไม่แน่นอนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ช่องค้าปลีก ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด บริษัทได้ปรับและจัดโครงสร้างในส่วนของร้านค้าให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์ และยังคงรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายในช่องทางนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ส่วนช่องทางออนไลน์ (NSR) ในปีนี้จะมีการสร้างช่องทางขายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าในแต่ละประเภทได้ง่ายขึ้น

ขณะที่ปัจจัยท้าทายในปีนี้อยู่ที่ทิศทางการเติบโต ซึ่ง SABINA จะไม่ให้น้ำหนักกับการขยายหน้าร้าน แต่จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการขายในร้านค้าทั้งเคาน์เตอร์ซาบีน่า ซาบีน่าช็อป รวมถึงช่องทางออนไลน์ให้สูงขึ้น ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายภายใต้กลยุทธ์ “เอซ” (ACE) ที่หมายถึงการไปสู่เป้าหมายที่ยอดเยี่ยม โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาทุกด้าน ทั้งด้านการเข้าถึงที่เพียงพอ (Availability) ความสะดวกสบายในการใช้บริการ (Convenience) และง่ายต่อการใช้บริการ (Ease)

“ในปี 2567 นี้ ภาพของการขยายกลุ่มสินค้าที่เป็นมากกว่าชุดชั้นในของ SABINA จะชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราจะขยายแบบระมัดระวัง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าทุกชิ้นที่ออกมาจะต้องตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เราคาดการณ์ไว้ โดยคอลเลกชันแรกที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจน จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นคอลเลกชันที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้ตลาดได้ตั้งแต่ต้นปี และเชื่อว่า การเปิดตัวคอลเลกชันใหม่จะกระตุ้นบรรยากาศโดยรวม และทำให้ยอดขายคึกคักตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี” น.ส.ดวงดาว กล่าว

ในส่วนของตลาดต่างประเทศ หลังจากที่ SABINA เข้าไปลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ถือว่าประสบความสำเร็จดีกว่าที่คาดไว้ โดยยอดขายในปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 25% ขณะที่ในปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดฟิลิปปินส์ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จากทั้งจำนวนประชากร และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยการทำตลาดจะใช้กลยุทธ์ “เอซ” (ACE) เช่นเดียวกับประเทศไทย โดยจะนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตลาด รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด โดยเป้าหมายสำคัญในการขยายตลาดต่างประเทศอยู่ที่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นอกเหนือจากแผนการทำตลาดในทุกช่องทางขาย รวมถึงการรุกตลาดในต่างประเทศแล้ว ในปีนี้ SABINA ยังวางแผนตอกย้ำแบรนด์ดีเอ็นเอ (Brand DNA) สะท้อนความเป็นตัวตนของบริษัท ด้วยหลัก “เอสบีเอ็น” (SBN) ได้แก่ หลักความยั่งยืน (Sustainability) ด้วยเป้าหมายสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Product) ให้ได้สัดส่วน 10% ภายในปี 2568 หลักชีวิตที่ดีขึ้น (Better Life) ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันโครงการ New Life Bra Cycle ในการกำจัดชุดชั้นในเก่าไปเป็นพลังงานสะอาด เพื่อลดภาระขยะบนโลกใบนี้ รวมถึงดำเนินกิจกรรมเย็บเต้าเติมใจช่วยภัยมะเร็งเต้านม เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ตัดเต้านมแล้ว และเสริมด้วยกิจกรรมแผ่นทดสอบมะเร็งเต้านม (Simulator Pad) เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงทุกคนสามารถตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองได้ และสุดท้าย หลักการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ (New Innovation) มุ่งเน้นในการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย ในการออกแบบและผลิตสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้บริโภคมีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวัน ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะทำให้แบรนด์ “ซาบีน่า” ยังครองความเป็นที่หนึ่งของแบรนด์ชุดชั้นในสัญชาติไทยในประเทศไทย และสามารถขยับอันดับในประเทศต่างๆ เพื่อให้ภาพของความเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาคชัดเจนมากยิ่งขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น