“โนเบิล” กางแผนปี 67 เปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,310 ล้านบาท วางเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท พร้อมเดินเกมรุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง จ่อทุ่มงบซื้อที่ดินย่านพระราม 9 ประชาชื่น และบางนา-ตราด ผุดโครงการใหม่ ปูทางขึ้นสู่การเป็น Top 5 อสังหาฯ เมืองไทย ประกาศปักธงรายได้ปีนี้ 14,000 ล้านบาท หลัง Backlog ในมือมูลค่ากว่า 19,700 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว “เซิร์ฟ โซลูชั่น” ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ ครบวงจร หนุนสร้างรายได้ประจำ
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) NOBLE กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ปี 67 นี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ด้วยสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับการมีรัฐบาลใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการต่างๆ ได้เต็มปีในปีแรกน่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งดอกเบี้ยที่อยู่ในภาวะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงทำให้นักลงทุนกล้าจับจ่ายใช้สอยและกล้าลงทุนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดที่หายไปเป็นกลุ่มของนักลงทุน ขณะที่กลุ่ม Real Demand ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง และเชื่อว่ากลุ่มนักลงทุนจะกล้าลงทุนมากขึ้นและเพื่อรองรับตลาดอสังหาฯ ที่จะดีขึ้น
ขณะที่โนเบิลยังคงมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ไทย ทำให้บริษัทเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยในปี 67 มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 แปลง ประกอบด้วย 1.ที่ดินบนทำเลพระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดฯ มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท 2.ที่ดินทำเลย่านประชาชื่น เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และ 3.ที่ดินบนทำเลบางนา-ตราด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และสหพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว
โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย 18,000 ล้านบาท รวมถึงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่า 14,310 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯ 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมี Inventory ในมือมูลค่ารวมกว่า 34,400 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย รวมถึงโครงการคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จใหม่ในปี 67 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการนิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว 2.โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ 3.โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และ 4.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70%
นายธงชัย กล่าวว่า ในปีนี้ โนเบิลยังคงมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปี 66 ที่ผ่านมา บริษัทได้ประสบความสำเร็จจากการขายโครงการตลอดทั้งปี สามารถสร้างยอดขายรวมกว่า 14,900 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) 6,600 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการใหม่เปิดใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 8,300 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 18,900 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพและอยู่ในทำเลศักยภาพที่ดี ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นแต่บริษัทยังคงสร้างยอดขายได้ในระดับที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ บริษัทมียอดขายรอโอน ณ สิ้นปี 66 ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า ประกอบกับความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดย Segment ที่ยังคงสร้างยอดขายที่ดีให้บริษัทเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบระดับ Luxury และคอนโดมิเนียมในเมือง ขณะเดียวกัน ในปี 66 บริษัทประสบความสำเร็จในด้านยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยมีสัดส่วนยอดขายที่ระดับกว่า 5,700 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time high)
นายธงชัย กล่าวว่า เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น โนเบิลได้ขยายไลน์ธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการภายใต้บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด ในรูปแบบธุรกิจบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า รวมถึงธุรกิจการบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจต่อเนื่องที่จะสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income ) เช่น ธุรกิจการให้บริการสายไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic Cable) ในโครงการที่อยู่อาศัย ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger) ธุรกิจบริการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) บนหลังคาของโครงการที่อยู่อาศัย เป็นต้น อีกทั้งยังมองหาธุรกิจใหม่ที่จะทำร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของ (Self-Storage) คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม แผนการสยายปีกดังกล่าวเป็นการต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มีความครบวงจรควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทในอนาคต