“เสนา ดีเวลลอปเม้นท์” ชูกลยุทธ์ขยายความร่วมมือพันธมิตร เสริมแกร่งกระแสเงินสด ขยายฐานลูกค้า บริหารพอร์ตโฟลิโอ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างรายได้ต่อเนื่อง ตอกย้ำแนวทางธุรกิจยั่งยืน เผยแอสเสทรวมโต 43% มูลค่ากว่า 50,000 ล้าน แต่คุม DE ได้ต่ำลง 1.13 เท่านั้น สะท้อนความแกร่งการเงิน พร้อมปรับโครงสร้างสัดส่วนรายได้อสังหาฯ เพื่อขาย 80% อสังหาฯ ปล่อยเช่าและธุรกิจบริการ 20% แจงรายได้การดำเนินงานสามารถเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสด 100% เผยสินค้ารอพัฒนาในมือมูลค่ากว่า 82,000 ล้าน
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญความท้าทาย และจุดเปลี่ยนที่ส่งผลต่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลกระทบจากภาวะระบาดของ COVID-19 ขณะที่ในปัจจุบันเป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี การแข่งขัน สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้รู้จักกันในนาม VUCA World ที่ทำให้องค์กร หรือผู้ประกอบการต่างๆ ต้องปรับตัวตามกันให้ทัน และที่สำคัญคือต้องไปในทิศทางที่เหมาะสม
จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้เสนาฯ ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเริ่มปรับตัว ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ และปรับกลยุทธ์ของธุรกิจให้ความสำคัญในเรื่อง Partnership การบริหารการเงิน และการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่การเข้าซื้อบริษัท เจ.เอส.พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (JSP) เพื่อขยายตลาดแนวราบ การร่วมมือกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป (HHP) เพื่อร่วมลงทุนโครงการใหม่ๆ ทำให้ปัจจุบันเสนาฯ มีมูลค่า Asset ขยายตัวจากช่วง 3 ปีก่อนถึง 43% หรือมีแอสเสทกว่า 50,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์นี้เป็นการมองในระยะยาว เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดการลงทุน ขณะเดียวกัน อัตราหนี้สินต่อทุน หรือ Net IBD/E Ratio ลดต่ำลง โดยล่าสุดอยู่ที่ 1.13 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของธุรกิจบนพื้นฐานทางการเงินที่ดี
นอกจากนี้ การบริหารพอร์ตโฟลิโอให้เหมาะสม โดยได้มีการขยายโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น เพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ครอบคลุมทุก Segment สอดคล้องกับสภาวะตลาด และตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในแง่ ทำเล ราคา ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป และเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ซึ่งปัจจุบันทางเสนาฯ มีมูลค่าสินค้าพร้อมพัฒนาและรอรับรู้รายได้สูงกว่า 82,000 ล้านบาท แบ่งการบริหารจัดการสินค้าใน port นี้ โดยพัฒนาในรูปแบบร่วมทุน 72% ผ่านบริษัท เซ็น เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ Sen X ที่ 13% และโครงการที่พัฒนาโดยเสนาฯ เองอีก 15% นอกจากนั้นยังมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการอื่นซึ่งเป็นรายได้ประจำที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องด้วย
“ขณะที่สัดส่วนรายได้นั้นได้ถูกบริหารจัดการให้เหมาะสม มีการกระจายรายได้ผ่านรูปแบบธุรกิจใน 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จากโครงการที่พักอาศัย และรายได้จากธุรกิจบริการและธุรกิจเช่า ซึ่งเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอที่สัดส่วน 80/20 ในปัจจุบัน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงด้านการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างเฝ้าระวัง ซึ่งจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสมดุลในระยะยาว”
ดร.เกษรา กล่าวว่า รายได้จากการดำเนินการของบริษัทเริ่มมีโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการเพิ่มขี้นของรายได้จากการบริการสัดส่วน 20% และรายได้ทั้ง 100% เป็นเกณฑ์เงินสด ไม่ใช่แค่สัดส่วน 20% เงินสด สอดคล้องกับ Long Term Planning ของบริษัท ที่สำคัญไม่ได้ลดทอนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลงเลย การเติบโตในรูปแบบ JV ตามกลยุทธ์หลักขององค์กรนั้น นอกจากจะส่งผลให้เกิดการใช้เม็ดเงินลงทุนที่เหมาะสมแล้ว ยังได้มาซึ่ง Know-How และความเข้มแข็ง ลดความเสี่ยง และสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“เสนาฯ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “ลบ” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26-30 ม.ค.67 นี้ ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โดยจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท”
