xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.ชี้ปีนี้หุ้นไทยฟื้น เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเมินหุ้นไทยปี 2567 ลุ้นเงินทุนย้ายมาตลาดหุ้นภูมิภาค ASEAN โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก มองค่าบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าในระยะปานกลาง กอปรกับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้สูงกว่าคาดตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ แถมภาครัฐมีงบประมาณออกมามากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนที่ ธปท. มองจะพลิกกลับมาเป็นบวก


นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในช่วงปลายปี 2566 หลังจากทิศทางเงินเฟ้อโลกปรับลดลง และธนาคารกลางสำคัญต่างๆ ในหลายประเทศมีท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่เข้าสู่สภาวะถดถอยอย่างรุนแรง ผู้ลงทุนจึงเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์เสี่ยง เช่น บิตคอยน์ ตลาดหุ้นในหลายประเทศ และพันธบัตรผลตอบแทนสูง อย่างไรก็ดี ในปี 2566 แม้ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นในหลายประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้าจากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า แต่หากมองย้อนกลับไปในปี 2565 SET Index เป็นเพียงไม่กี่ดัชนีในโลกที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก และหากพิจารณาในช่วง 2565-2566 จะเห็นว่า SET Index เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนีอื่นๆ ในภูมิภาค

สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,415.85 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.6% จากเดือนก่อนหน้าโดยปรับลดลง 15.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน และกลุ่มเกษตรและอาหาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 39,980 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 28.8% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 2566 อยู่ที่ 53,331 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกหลังจากขายสุทธิ 10 เดือนต่อเนื่อง โดยในเดือนธันวาคม 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 70 ล้านบาท ทำให้ในปี 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 192,083 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20

ทั้งนี้ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.4 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 19.4 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.0 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 3.21% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.28%

นายศรพล กล่าวอีกว่า ในปี 2567 มีโอกาสที่เงินลงทุนเคลื่อนย้ายมาตลาดหุ้นในภูมิภาค ASEAN โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก สังเกตจากเงินบาทที่มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าในระยะปานกลาง ประกอบกับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้สูงกว่าคาดตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) และ Forward P/E ในปี 2567 ของ SET ไปยังจุดที่มีความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ขณะที่มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET ที่มีคาดการณ์ EPS Growth สูงแต่มี valuation ที่ยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

"การติดตามปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นในปี 2567 เป็นเรื่องคล้ายเดิม โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยสหรัฐณ ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในต่างประเทศ โดยมีปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในประเทศ อย่างภาคการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีช่องเติบโตได้อีก ภาครัฐมีงบประมาณออกมามากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวก รวมถึงส่งออกที่จะกลับมาเป็นบวกได้ ถือว่ามีลุ้นและน่าสนใจมาก" นายศรพล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น