โบรกเกอร์ คาด PTT - PTTGC รับผลกระทบ หลัง กกพ.เตรียมปรับโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ASP คาดกระทบกำไร PTT 1.5-2 หมื่นลบ./ปี ลดมูลค่าพื้นฐานมาอยู่ที่ 36 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 41 บาท ส่วน PTTGC กระทบ 5-7 พันลบ./ปี ขณะที่ "หยวนต้า" แนะระยะสั้นเลี่ยงลงทุน ไปก่อน
วานนี้(10 ม.ค.67) ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบเรียกเก็บค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย. 67 สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่ 39.72 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ลดลงจากก่อนหน้าที่ 4.68 บาท/หน่วย ทั้งนี้ รายละเอียดการปรับปรุงการคำนวณ ประกอบด้วย 4 แนวทาง คือ
1.ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระเงินคงค้างสะสมงวด ม.ค.-เม.ย.67 จำนวน 15,963 ล้านบาท แทนประชาชนไปก่อน
2. ปรับปรุงราคาประมาณการ SpotLNG จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ที่ 16.9 ดอลลาร์/ล้านบีทียู ลงเหลือ 14.3 ดอลลาร์/ล้านบีทียู
3. ปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เป็นราคารวมก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆ ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง ให้ใช้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับราคาก๊าซธรรมชาติอ่าวไทย (Gulf Gas)
4. เรียกเก็บเงินค่าปรับ Shortfall กรณีที่ผู้ผลิตก๊าซในอ่าวไทยไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในช่วงปี 63-65 รวม 4,300 ล้านบาท จาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยให้นำเงินมาลดค่าก๊าซฯในรอบ Ft งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 67
ASPS หั่นประมาณการ PTT-PTTGC คาดกระทบกำไร
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัด (ASPS) ประเมินว่า การดำเนินการดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อทั้ง PTT และ PTTGC โดย PTT จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ในวันที่ 12 ม.ค. นี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะต้องทำตามนโยบายภาครัฐ แต่อาจมีแนวทางการบริหารจัดการเพิ่มเติม
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดประมาณการเบื้องต้นของทั้ง PTT และ PTTGC เพื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าวที่กระทบของทั้ง 2 บริษัท โดยจะกระทบกำไรของ PTT ประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปี และกระทบกำไรของ PTTGC ประมาณ 5-7 พันล้านบาทต่อปี และรวมผลกกระทบจากการเรียกเก็บเงิน Shortfall 4.3 พันล้านบาท คืนให้กับภาครัฐของ PTT ด้วย ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ของ PTT ลดลงมาอยู่ที่ 36 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 41 บาทต่อหุ้น และ PTTGC ลดลงมาอยู่ที่ 36 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 48 บาทต่อหุ้น แนะนำ Undeperform ทั้ง PTT และ PTTGC
หยวนต้า แนะระยะสั้นเลี่ยงลงทุน PTTGC เลือก PTTEP แทน
ฝ่ายวิจัยบล.หยวนต้า มองเป็นลบต่อธุรกิจโรงแยกก๊าซของ PTT และธุรกิจปิโตรเลียมของ PTTGC และคาดว่านโยบาย Single Poo จะส่งผลให้ต้นทุนโรงแยกก๊าซสูงขึ้นรา 2 ดอลลาร์ต่อmmbtu กรณีมีผลบังคับใช้ทั้งปีจะกระทบอัตรากำไรธุรกิจ GSP ของ PTT 1.9 หมื่นล้านบาท หรือ Downside 17% ของประมาณการปี 67 และกระทบอัตรากำไรธุรกิจ Gas-based Olefins ของ PTTGC 6.7 พันล้านบาท หรือเท่ากับกำไรทั้งปีของประมาณการปี 67
ทั้งนี้ นโยบาย Single Pool ล่าสุด เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) 67 ผลกระทบของ PTT จะอยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท หรือ Downside 6% และ PTTGC ผลกระทบจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท หรือ Downside 33%
อย่างไรก็ตาม แม้ PTTGC สามารถบรรเทาผลกระทบจากการใช้วัตถุดิบอื่น เช่น Propane Naphtha เพราะมีโครงการ ORP/OMP ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นการใช้วัตถุดิบ แต่ระยะสั้นยังไม่แนะนำลงทุน เนื่องจากหุ้นมีโอกาสถูกปรับลดประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงถูก De-rating จากการสูญเสียจุดเด่นด้าน Gas-based Olefins กรณี Single Pool ถูกบังคับใช้ต่อไป คงแนะนำ Trading ราคาเหมาะสมที่ 40 บาทต่อหุ้น
สำหรับ PTT มองว่า โครงสร้างธุรกิจครบวงจรทำให้ผลกระทบไม่ได้มีสัดส่วนสูงต่อฐานกำไรรวม อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์แนะนำยังไม่ต้องรีบเข้าซื้อ เนื่องจากงบไตรมาส 1/67 จะถูกกดดันจากนโยบาย Single Pool ที่ 6.3 พันล้านบาท และการเรียกคืนค่า Shortfall อีก 4.3 พันล้านบาท ดังนั้นกรณีต้องการเก็งกำไรตามราคาน้ำมันหุ้น Oil Play อย่าง PTTEP จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในระยะสั้น