คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องภาครัฐเตรียมพร้อมปรับใช้สกุลเงินดิจิตอลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) และแพลตฟอร์มการชำระเงินที่เกี่ยวข้องในอนาคต ชี้ CBDC สนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศเกาะที่อยู่ห่างไกล เป็นตัวเลือกแทนเงินสดในระยะยาว และนำเสนอความยืดหยุ่นให้ประเทศพัฒนาแล้ว
จอร์เจียวากล่าวในงานสิงคโปร์ ฟินเทค เฟสติวัลเมื่อเร็วๆ นี้ เรียกร้องให้สถาบันต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มความพยายามเพื่อรวม CBDC เข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งจะช่วยให้สามารถติดตามธุรกรรมทางการเงิน เพิ่มกลไกตรวจสอบการจ่ายภาษีของบุคคลธรรมดาและภาคธุรกิจ และส่งเสริมการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน IMF กำลังพยายามขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน ควบคู่กับลดความไม่เท่าเทียมทางเพศและภูมิศาสตร์ และเพิ่มมาตรการรับมือความท้าทายทางเศรษฐกิจ
จอร์เจียวาตั้งข้อสังเกตว่า CBDC จะมีบทบาทด้านเทคโนโลยีเบื้องหลังสถาบันการเงินต่างๆ และเสริมว่า ยิ่งมีการยอมรับมากเท่าไหร่จะยิ่งเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น โดยนอกเหนือจากการชำระเงินข้ามพรมแดนซึ่งเป็นปัญหาหลักของสกุลเงินดิจิตอลแล้ว สถาบันการเงินยังสามารถปรับปรุงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างสกุลเงินที่สมบูรณ์แบบ
ทว่า หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลหลายแห่งในยุโรปและเขตอำนาจศาลอื่นๆ กลับตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับบทบาทของ CBDC ในการติดตามความเคลื่อนไหวของพลเมือง และเรียกร้องให้ทบทวนแนวทางที่เสนอเพื่อจำกัดการรวบรวมข้อมูล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ IMF ยังกล่าวถึงกลุ่มคนที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในบางประเทศ โดยบอกว่า CBDC ไม่ได้แค่ช่วยสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศเกาะที่อยู่ห่างไกลเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเลือกแทนเงินสดในระยะยาว อีกทั้งปลอดภัยกว่าและต้นทุนต่ำกว่า สามารถอยู่ร่วมกับเงินที่ออกโดยภาคเอกชนได้ และนำเสนอความยืดหยุ่นให้ประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้น ภาครัฐจึงควรเตรียมพร้อมเพื่อปรับใช้ CBDC ต่อไป
จอร์เจียวายังระบุว่า แม้หลายประเทศผ่านกฎหมายเกี่ยวกับ CBDC และเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่ถึงตอนนี้การยอมรับ CBDC ยังห่างไกลจากระดับที่ต้องการ และยังมีความไม่แน่นอนอีกมากมาย กระนั้น มีประเทศราว 60% กำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการใช้ CBDC บางรูปแบบ
ที่ผ่านมา IMF ให้การสนับสนุนหลายประเทศที่พยายามพัฒนา CBDC เช่น เผยแพร่รายงานความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การพัฒนา CBDC โดยมุ่งเน้นการประเมินปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ ร่างกฎข้อบังคับ และการร่วมมือระหว่างประเทศ รวมทั้งเสนอเมตริกซ์ประเมินความเสี่ยงจากคริปโต (C-RAM) สำหรับเจ้าหน้าที่การเงิน และจัดทำเอกสารสังเคราะห์ร่วมกับธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ซึ่งได้รับการยอมรับจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางประเทศสมาชิกกลุ่ม G20 เมื่อเดือนที่แล้ว
