xs
xsm
sm
md
lg

CMAN อวดรายได้กำไรงวดนี้พุ่ง เริ่มต้นไฮซีซันธุรกิจปูนไลม์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





เคมีแมน เปิดงบไตรมาส 3 มีรายได้จากการขายและบริการ 769 ล้านบาท ลดลง 10% และมีกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท ลดลง 77% จากไตรมาสก่อน ผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความต้องการลดลงตามฤดูกาล รวมทั้งหยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ฟากซีอีโอแย้มไตรมาส 4 ดีขึ้นขานรับเริ่มต้นไฮซีซันธุรกิจปูนไลม์ และมีงานรอส่งมอบลูกค้าเพียบ  


นายอดิศักดิ์ เหล่าจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) หรือ CMAN ผู้ผลิตปูนไลม์ครบวงจรระดับท็อปเทนของโลก ภายใต้แบรนด์ 'CHEMEMAN' เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 สิ้นสุด 30 กันยายน 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 769 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 856 ล้านบาท และลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 960 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 14 ล้านบาท ลดลง 77% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 59 ล้านบาท และลดลง 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 72 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 2,688 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 2,794 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 152 ล้านบาท

"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2566 ปรับตัวลดลง เนื่องจากเป็นช่วง low season ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเลื่อนคำสั่งซื้อสินค้าออกไปเป็นช่วงไตรมาส 4 ดังนั้น ส่งผลให้ปริมาณการขายปูนไลม์ลดลง ขณะที่ราคาขายสินค้าเฉลี่ยลดลงตามราคาพลังงานในตลาดโลกที่ลดลง ประกอบกับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ยังไม่รับรู้ (ในทางบัญชี) จำนวน 23 ล้านบาท เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินด่องเวียดนาม นอกจากนี้ บริษัทได้ถือโอกาสหยุด 3 เตาเผาปูนไลม์ในประเทศไทยและเวียดนามตามแผนการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร เตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตเต็มที่ในช่วง high season ที่จะเริ่มต้นขึ้นในไตรมาส 4 และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1 ของปีหน้า ถึงแม้ว่าบริษัทหยุดเดินเตา และปริมาณการขายลดลง แต่ด้วยประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาพลังงานในตลาดโลกที่ลดลง 

ส่งผลให้ต้นทุนขายในไตรมาส 3 ลดลง 26.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 34.7% เมื่อเทียบกับ 29.5% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนของปีนี้ บริษัทมีกำไรขั้นต้น 32.5% เพิ่มขึ้นจาก 25.1% ในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า กลยุทธ์การบริหารธุรกิจของบริษัทนั้นประสบผลสำเร็จ สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ท่ามกลางพายุใหญ่เศรษฐกิจโลก" นายอดิศักดิ์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4 ปี 2566 คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก โดยประเมินว่าความต้องการในประเทศจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลของอุตสาหกรรมน้ำตาล และคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศที่เลื่อนมาจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้ ราคาพลังงานโลกที่ปรับลดลงจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าและบริการลดลง ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าเพิ่มยอดขายในตลาดเป้าหมายที่มีอัตรากำไรเหมาะสม มุ่งเจาะตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมดาวเด่น เช่น เหมืองนิกเกิล ลิเทียม แร่ธาตุหายาก (Rare-earth) มีโครงสร้างทางการเงินแข็งแรงขึ้น โดยการชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด เพื่อลดภาระดอกเบี้ย พร้อมลงทุนต่อเนื่องในโครงการพลังงานสะอาด ได้แก่ โครงการโซลาร์ ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากในการช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และการใช้รถพลังงานไฟฟ้า เช่น รถบรรทุกอีวี รถตักอีวี เป็นต้น เพื่อลดต้นทุนอย่างยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น