ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า LH ทำกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 ได้ 1.18 พันล้านบาท ลดลง 18.2% qoq และ 47.3% yoy และต่ำกว่าประมาณการของเรา 4.5% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้อื่นต่ำกว่าคาด
รายได้จากธุรกิจอสังหาฯ ไตรมาส 3 ลดลง 11.2% qoq และ 40.7% yoy มาที่ 4.45 พันล้านบาท ส่วน GPM จากการขายอสังหาฯ ลดเหลือ 26.3% เทียบจาก 29% ในไตรมาส 2/66 และ 32% ในไตรมาส 3/65 ส่งผลให้กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนลดลง 36.9% yoy เป็น 4.0 พันล้านบาท
สำหรับในไตรมาส 4 นี้ LH เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ 8 คอนโดมิเนียม 1 รวมมูลค่า 2.97 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทเพิ่งเปิดตัวคอนโดมิเนียม Wan Vayla Na Chaopraya มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา การตอบรับดี เห็นได้จากอัตรายอดขายที่ 31.5% ทำให้ยอด presales เดือน ต.ค. เพิ่มเป็น 6.1 พันล้านบาท นำโดย presales 4.5 พันล้านบาทจากโครงการ Wan Vayla Na Chaopraya
เราจึงปรับประมาณการ presales ขึ้น 5% เป็น 2.52 หมื่นล้านบาท ลดลง 16.6% yoy สะท้อน presales ที่สูงกว่าคาดจากโครงการ Wan Vayla Na Chaopraya และเชื่อว่า presales ในไตรมาส 4 นี้จะฟื้นตัวแข็งแกร่ง qoq เป็น 1.08 หมื่นล้านบาท
LH ให้ข้อมูลระหว่างการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 10 พ.ย.66 ว่า ในปี 67 บริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มแต่ไม่มีโครงการคอนโดมิเนียม และมีแผนเปิดตัวโครงการระดับไฮ-เอนด์ภายใต้แบรนด์ Nantawan และ Mantana มากขึ้น เราจึงคาดว่ายอด presales ของ LH จะฟื้นตัวในปี 67 จากการเปิดตัวโครงการไฮ-เอนด์เพิ่ม
เราคาดว่าในไตรมาส 4 นี้ กำไรสุทธิของ LH จะเติบโตสูงถึง 76.7% qoq เป็น 2.09 พันล้านบาท จากยอดโอนกรรมสิทธิ์และ GPM ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ LH มีแผนขายโรงแรม Grande Centre Point Pattaya และ Grande Centre Point Space Pattaya มูลค่า 9.4 พันล้านบาทให้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) ในวันที่ 15 พ.ย.66
ขณะที่บริษัทใช้เงินลงทุน 1.95 พันล้านบาทเพื่อซื้อหน่วยทรัสต์ของ LHHOTEL เพิ่ม จึงทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 26.17% จาก 14.73% บริษัทจึงต้องเปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีเงินลงทุนใน LHHOTEL เป็นวิธีส่วนได้ส่วนเสีย จากวิธีราคาทุน โดย LH คาดว่าจะรับรู้กำไรพิเศษหลังภาษีจากการขายโรงแรมจำนวน 1.9 พันล้านบาทในไตรมาส 4
เราปรับประมาณการเงินปันผลต่อหุ้นในปี 66 ขึ้น 9.3% เป็น 0.58 บาท หรือเท่ากับอัตราผลตอบแทน 7.6% สะท้อนกำไรจากการขายสินทรัพย์ ทั้งนี้ LH กำลังพิจารณาเรื่องขายศูนย์การค้า Terminal 21 Pattaya ให้ REIT ในปีหน้า ซึ่งอาจเป็น upside ต่อประมาณการ EPS ในปีหน้า
เราปรับประมาณการ EPS ลง 13.4-17% ในปี 66-68 หลังปรับสมมติฐาน ประกอบกับเราเลื่อนปีฐานเป็นปี 67 ราคาเป้าหมายจึงลดลงมาอยู่ 8.45 บาท เท่ากับ P/E 13.0 เท่าในปี 68 แต่เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” เพราะมองกำไรปกติต่อหุ้นจะฟื้นตัวแข็งแกร่ง โดยเติบโตเฉลี่ย 13.2% CAGR ในปี 67-68 เทียบจากลดลง 26.8% ในปี 66
เราเชื่อว่าการประเมินมูลค่าในปัจจุบันน่าจะรับรู้ผลประกอบการที่อ่อนตัวของธุรกิจอสังหาฯ ในปี 66 ไปแล้ว แต่ LH อาจมี downside risk หากเปิดตัวโครงการใหม่ล่าช้า ส่วนปัจจัยบวกจะมาจากยอดขายสต๊อกโครงการที่สูงกว่าคาด