สมาร์ทคอนกรีต งวด 9 เดือน มีรายได้รวม 541.23 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 78.84 ล้านบาท เติบโต 310.85% จากภาคเอกชนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ การก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ การปรับปรุงพื้นที่ค้าปลีกและโรงแรมยังดำเนินได้ต่อเนื่อง คาดแนวโน้มไตรมาส 4 โตต่อ เทรนด์ ESG หนุน
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2566 มีรายได้รวม 541.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 409.97 ล้านบาท จำนวน 131.26 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 32.02% และมีกำไรสุทธิ 78.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.19 ล้านบาท จำนวน 59.65 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 310.85%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวม 185.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 144.04 ล้านบาท จำนวน 41.89 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 29.08% และมีกำไรสุทธิ 32.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.96 ล้านบาท จำนวน 24.44 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 306.91%
ทั้งนี้ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีการก่อสร้างต่อเนื่องจากในอดีตมีความคืบหน้ามากขึ้น หนุนให้ภาคเอกชนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ รวมถึงการปรับปรุง ซ่อมแซม พื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและโรงแรมทั้งในเขตกรงุเทพและภาคตะวันออก โครงการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมยังดำเนินการได้ต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการภาครัฐ ได้แก่ อาคารหน่วยงานราชการ เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ทันตามกำหนด
สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2566 คาดเติบโตดีต่อเนื่อง สัญญาณบวกจากการขับเคลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของ EEC ของรัฐบาลใหม่ สร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนจากต่างชาติ ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน อาคารสนามบิน อีกทั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของปีตลาดอสังหาฯ โดยรวมจะคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงฤดูกาลของการกระตุ้นยอดขายของผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั้งโครงการแนวราบ-แนวสูง รวมถึงการเร่งก่อสร้างโครงการเพื่อส่งมอบ รองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานและความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเพิ่มขึ้น ผลักดันให้รายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ แนวโน้มของผู้บริโภคยุคใหม่มีความต้องการที่อยู่อาศัย ที่ใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มมากขึ้น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงคำนึงถึงและให้ความสำคัญในการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามมาตรฐานอาคารที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์ด้านความความยั่งยืนทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม บริษัทจึงมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและให้ผลตอบแทนทางสังคม ช่วยลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนสอดคล้องกับนโยบายของบริษัท ที่มุ่งพัฒนาองค์กรและสินค้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายองค์กรให้ก้าวสู่ Net Zero ในอนาคต
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐ 30% รายได้จากภาคเอกชน 70% และมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 2%