มหาเศรษฐีเม็กซิโกชูบิตคอยน์ ป้องกันรัฐปล้นเงินฝากในแบงก์

มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของเม็กซิโก ชูบิตคอยน์เป็นวิธีรับมือการขึ้นภาษีตามเงินเฟ้อ เนื่องจาก BTC มีภูมิต้านทานจากการถูกด้อยค่า ซึ่งเป็นวิธีที่บรรดาผู้มีอำนาจใช้ในการแอบปล้นเงินฝากประชาชนด้วยการอ้างนโยบายการเงินบังหน้า

ริคาร์โด ซาลินาส เศรษฐีพันล้านชาวเม็กซิโก ย้ำระหว่างให้สัมภาษณ์กับบิตคอยน์ แมกกาซีนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ทุกคนสามารถป้องกันตัวเองได้จากการทำความเข้าใจว่า การด้อยค่าเงินเป็นเล่ห์กลที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในตำราการโกงของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีหรือการกู้เงิน

ซาลินาส ประธานกรรมการกรูโป ซาลินาส แจงว่า ขณะนี้ทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่เม็กซิโกหรือละตินอเมริกา มีการขึ้นภาษีตามเงินเฟ้อมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า เงินฝากของประชาชนกำลังถูกฉกฉวยไปโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแม้แต่จะแจ้งให้ทราบ และยิ่งน่าเศร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อดออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ

เขาอธิบายต่อว่า บิตคอยน์ (BTC) จะช่วยป้องกันกลโกงนี้ได้เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถด้อยค่าเงินดิจิตอลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกสกุลนี้

เมื่อถูกถามว่า ทำอย่างไรจึงจะมีการยอมรับบิตคอยน์อย่างกว้างขวางในเม็กซิโก ซาลินาสตอบว่า สิ่งแรกที่ต้องเกิดขึ้นคือ ประชาชนต้องตระหนักว่า กำลังถูกหลอกลวงหรือถูกสถาบันการเงินขี้โกงและรัฐบาลปล้น เพราะนี่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกโดยที่คนทั่วไปไม่ระแคะระคาย

ซาลินาสสำทับว่า พวกผู้มีอำนาจเหล่านั้นกำลังปล้นเงินประชาชนและฉ้อโกงแบบลับๆ โดยอ้างว่า กำลังดำเนินนโยบายการเงิน ดังนั้น ทุกคนจึงต้องเข้าใจกลโกงนี้เพื่อป้องกันตัวเองจาก “มนุษย์ถ้ำในรัฐบาล” ที่ไม่ได้โง่เขลาและไม่มีวันยอมวางมือจากอำนาจที่จะทำให้ตัวเองเข้าไปยึดทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างง่ายดาย

เขาย้ำว่า ทุกคนจะได้ประโยชน์จากการทำความเข้าใจว่า การด้อยค่าเงินด้วยการพิมพ์เงินเพิ่มเป็นเล่ห์กลที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในตำราการโกงของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีหรือการกู้เงิน

เกี่ยวกับผลลัพธ์ต่อบิตคอยน์ที่จะเกิดจาก Bitcoin ETF นั้น ซาลินาสบอกว่า แน่นอนว่า ETF จะเป็นปัจจัยกระตุ้นใหม่ เพราะทำให้คนลงทุนในบิตคอยน์ได้ง่ายขึ้น และด้วยเหตุนี้เหล่าผู้มีอำนาจจึงพยายามขัดแข้งขัดขา ETF

เขาตั้งข้อสังเกตว่า แกรี่ เกนส์เลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) รวมถึงคนในกระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รู้เรื่องนี้ดี และสิ่งที่คนเหล่านี้กำลังทำก็ไม่ใช่เพื่อปกป้องนักลงทุน แต่เป็นการปกป้องช่องทางที่รัฐบาลจะหาเงินมารองรับการใช้จ่ายโดยไม่ต้องขึ้นภาษี