"แอสเสท เวิรด์ฯ" เชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวไตรมาส 4 ฟื้นตัวชัดเจน ยอดจองห้องพัก และอัตราค่าห้องพักต่อคืนกลับมาพีกก่อนเกิดโควิด-19 หนุนให้ธุรกิจโรงแรมของ AWC รายได้เติบโตมากกว่า 10% แย้มแผนปี 2567 เปิดให้บริการ 4 โรงแรมใหม่ พัทยา กรุงเทพฯ หัวหิน เพิ่มกว่า 1,000 ห้อง พร้อมจับมือกับ ททท. และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตฯ ท่องเที่ยวยั่งยืน เปิดตัวโครงการ AWC Stay to Sustain สนับสนุนประเทศไทยเป็น 'จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก'
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิร์ด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยถึงภาพรวมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ของปี 2566 (ตุลาคม-ธันวาคม) ว่า ปรับตัวดีขึ้นมาก เห็นได้จากยอดจองห้องพัก (The Occupancy Rate หรือ OR) และอัตราค่าห้องพักต่อคืนกลับมาสูงขึ้นก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากพอร์ตลูกค้าของ AWC เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับลักชัวรีที่มีคุณภาพ และผลจากการใช้กลยุทธ์เรื่องราคา ซึ่งนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นถึง 14-49% และการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบิน มีส่วนสำคัญในการเพิ่มความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทย
"ปีนี้เราประเมินว่ารายได้ของ AWC จะเติบโตเกินกว่าร้อยละ 10 จากปี 2565 ที่มีรายได้รวมประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมจะเป็นไฮไลต์หลัก ส่วนกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน เรากำลังดูถึงความต้องการใหม่ๆ เนื่องจากอัตราการใช้พื้นที่ยังไม่เติบโต ซึ่งต้องรอดูนโยบายจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดในห้างสยามพารากอนคลี่คลายแล้ว นักท่องเที่ยวจีนกลับมาแล้ว แต่เรายังต้องเฝ้าดูสถานการณ์โลกที่ยังคงมีความผันผวน โดยปัจจุบัน ลูกค้าหลักของ AWC จะมาจากสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 14-15 นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ร้อยละ 11 และจากประเทศอื่นๆ ร้อยละ 9-10" นางวัลลภา กล่าว
สำหรับแผนในปี 2567 นั้น ทาง AWC พยายามเร่งเปิดให้บริการโรงแรม โดยวางเป้าหมายให้ได้ 4 โรงแรม ทั้งในพัทยา 2 โรงแรม กรุงเทพ 1 โรงแรม และที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์อีก 1 โรงแรม รวมจำนวน 1,000 ห้องพัก
นางวัลลภา กล่าวถึงนโยบายฟรีวีซ่าที่ดำเนินการแล้วนั้น ส่งผลดีและเข้ามากระตุ้นสนับสนุนการท่องเที่ยว และสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการท่องเที่ยว และหากสามารถเพิ่มเที่ยวบินในปริมาณที่มากขึ้นจะส่งผต่อการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้นักท่องเที่ยว
เปิดตัวโครงการ AWC Stay to Sustain
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวในยุคนี้ต้องมุ่งสู่การส่งเสริมความยั่งยืนเพื่อยกระดับประเทศ เพราะการท่องเที่ยวสายป่านยาวมาก ซึ่งทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ส่งเสริมให้ท่องเที่ยวในการกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจ
โดย ททท.ได้วางแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ ยกระดับประเทศด้วยการท่องเที่ยว 2.ตลาด บุกและรักษาสมดุล ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ 3.มิติ ในเรื่อง Drive Demanad/Shape Supply/Thrive for Excellence และ 4.กลไก การหาพันธมิตร เป็นต้น
นางวัลลภา กล่าวว่า AWC ได้สืบสานนโยบายการท่องเที่ยวยั่งยืนของ ททท.ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมที่บริหารโรงแรมทั้ง 22 แห่งของ AWC ทั่วประเทศ ซึ่งจะร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปัญหาภาวะโลกร้อน และร่วมสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนให้ประเทศไทย โดยเราได้ริเริ่มโครงการ AWC Stay to Sustain ในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบการเข้าตลาดหลักทรัพย์ครบ 4 ปี ของ AWC เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักโรงแรมในเครือได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชนในประเทศไทย โดยทุกการเข้าพัก 1 คืน ภายในโรงแรมเครือ AWC จะร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชน เพื่อสนับสนุนโครงการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และรักษาผืนป่าในระยะยาว โดยโครงการจะมีระยะเวลาเบื้องต้น 9 ปี มีการสนับสนุนให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงปีละกว่า 15 ล้านบาท
หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้สืบสานพระราชปณิธาน “ปลูกป่า ปลูกคน” มาเป็นเวลาเกือบ 4 ทศวรรษ โดยเราได้ผนึกกำลังกับ AWC ร่วมสืบสานเจตนารมณ์การฟื้นฟูระบบนิเวศและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จึงนำประสบการณ์มาขยายผลเพื่อร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในป่า พร้อมร่วมแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมของไทยและโลกไปในคราวเดียวกัน ซึ่งการสร้างผืนป่าและอนุรักษ์ป่าไม้เป็นปัจจัยสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระดับองค์กร และในระดับประเทศ รวมถึงการลดภาวะโลกร้อนและลดอัตราการเกิดไฟป่า
โดยทางมูลนิธิจะนำรายได้สนับสนุนจากโครงการ “AWC Stay to Sustain” ไปใช้ในการพัฒนาระบบประเมินคาร์บอนเครดิต และจัดตั้งกองทุนเพื่อชุมชน 2 ประเภท คือ กองทุนดูแลป่า และกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ในขณะเดียวกันปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ”
“AWC Stay to Sustain”เป็นหนึ่งในโครงการตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ AWC (3BETTERs) ผ่านความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เพื่อร่วมฟื้นฟูดูแลผืนป่าในระยะยาว โดย AWC ตั้งเป้าสนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูต้นไม้ในแต่ละปีประมาณ 500,000 ต้น รวมกว่า 5,000 ไร่ สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 2,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเท่ากับการเข้าพัก 1 คืน ร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สอดรับกับเป้าหมายระยะยาวของ AWC ในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573