หุ้นไทยร่วงไม่เลิกปิด -14.10 จุด นักวิเคราะห์เผยความกังวลต่อบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ยืนสูง หลังเฟดยืนยันจะคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงในการควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่แนวโน้มบอนด์ยิลด์ของไทยทรงตัวสูงเช่นเดียวกัน โดยยังคงเกี่ยวข้องกับประเด็นหลักจากนโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำให้รัฐบาลใช้เงินกว่า 6 แสนล้านบาท และอาจต้องกู้ในจำนวนมหาศาล มองแนวโน้มสัปดาห์หน้าดัชนีอาจเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด แนวรับที่ 1,400 จุด และแนวต้าน 1,450 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ปรับตัวลดลง 14.10 จุด หรือ -0.97% โดยปิดตลาดที่ 1,438.45 จุด มูลค่าซื้อขาย 40,921.64 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงหลังเปิดทำการซื้อขายภาคเช้าได้เพียงครึ่งชั่วโมงโดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,457.81 จุด ในทางกลับกันปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,434.00 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 153 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 193 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 304 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,638.22 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -251.41 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,231.92 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +657.71 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,447.73 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,199.85 ล้านบาท ปิดที่ 80.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
3.JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,593.76 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 2.75 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,345.68 ล้านบาท ปิดที่ 68.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,250.29 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TQM ปิดที่34.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 3.82%
2.CPN ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.00%
3.EGCO ปิดที่ 117.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.86%
4.KBANK ปิดที่127.00บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ0.40%
5.PTTEP ปิดที่162.00บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.31%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่80.50 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 5.29%
2.BH ปิดที่259.00บาท ลดลง 4.00บาท หรือ 1.52%
3.SCC ปิดที่ 302.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 0.98%
4.JMT ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 2.75บาท หรือ 5.61%
5.MTC ปิดที่35.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 5.41%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,957.40 จุด ลดลง -23.40 จุด หรือ -1.18% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 876.95 จุด ลดลง -10.96 จุด หรือ -1.23% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 435.82 จุด ลดลง -3.23 จุด หรือ -0.74%
นายวทัญ จิตสมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงจากนักลงทุนกังวลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ทรงตัวอยู่ในระดับสูง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันชัดเจนว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยยังทรงตัวในระดับสูง จากการที่นักลงทุนมองถึงโอกาสกู้เงินครั้งใหญ่ของรัฐบาล ทำให้อาจสร้างแรงกดดันต่อ Valuation ตลาดหุ้นไทย
"แนวโน้มสัปดาห์หน้า ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ แนะจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และอัตราการว่างงานในคืนนี้ โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 1.7 แสนราย และ 3.7% ตามลำดับ หากรายงานมาแล้วชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น โดยมองกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,400 จุด และแนวต้านที่ 1,450 จุด" นายวทัญ กล่าว