หุ้นไทยปิด +1.30 จุด หมดแรงพุ่งหลังส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน จากแรงกดดันในหุ้นกลุ่มพลังงานที่เข้ามาถ่วงตลาดอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง เป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีไม่ให้พลิกขึ้นมาบวกได้เต็มที่ มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,460 จุด และแนวรับที่ 1,440 จุด แนะจับตา ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ซึ่งถ้าออกมาดีจะเป็นปัจจัยบวกกับตลาด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.30 จุด หรือ +0.09% โดยปิดตลาดที่ 1,452 จุด มูลค่าซื้อขาย 43,119.67 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะพลิกกลับมาปิดบวก โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,456.34 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,443.43 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 217 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 177 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 249 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,140.46 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -42.34 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +1,692.71 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +490.09 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,988.03 ล้านบาท ปิดที่ 161.50 บาท ลดลง 4.00 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,894.34 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,881.12 ล้านบาท ปิดที่ 102.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,853.36 ล้านบาท ปิดที่ 85.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,611.40 ล้านบาท ปิดที่ 69.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่305.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท หรือ 2.35%
2.TISCO ปิดที่100.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25บาท หรือ 2.30%
3.KTC ปิดที่45.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75บาท หรือ 3.98%
4.MTC ปิดที่37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.23%
5.SAWAD ปิดที่44.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.51%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. PTTEP ปิดที่161.50 บาท ลดลง 4.00บาท หรือ 2.42%
2.CBGปิดที่76.50 บาท ลดลง 2.25บาท หรือ 2.86%
3.TQM ปิดที่32.75 บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 2.96%
4.TIPH ปิดที่34.50 บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 2.82%
5.TOP ปิดที่46.75 บาท ลดลง1.00 บาท หรือ 2.09%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,980.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.73 จุด หรือ 0.09% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 887.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.61 จุด หรือ 0.18% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 439.05 จุด ลดลง -1.53 จุด หรือ -0.35%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ส่วนใหญ่ดัชนีเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นลบ มีความพยายามที่จะรีบาวด์ขึ้นมาบ้าง แต่ว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานรับตัวลงมาถ่วงตลาดในระดับหนึ่ง หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง เป็นปัจจัยที่ถ่วงการรีบาวด์ของตลาดได้
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ ยังอยู่ในลักษณะของการพยายามที่จะรีบาวด์ต่อ โดยคาดว่าราคาน้ำมันอาจจะชะลอลงบ้าง และดาวน์ไซด์ของตลาดในตอนนี้ค่อนข้างต่ำและมีโอกาสในการรีบาวด์หรือการแกว่งตัวขึ้นไปได้แต่แกว่งตัวในกรอบจำกัด
"คืนนี้นักลงทุนควรติดตามการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยคาดว่าจะมีจำนวน 210,000 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขสัปดาห์ที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 204,000 ราย สะท้อนว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงอาจจะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังขึ้นอัตราดอกเบี้ย และในวันศุกร์จะมีการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 1.7 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าเดือนที่แล้ว ซึ่งหากออกมาตามที่ตลาดคาดน่าจะเป็นปัจจัยบวกกับตลาด โดยประมองกรอบดัชนีวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,460 จุดและแนวรับที่ 1,440 จุด" นายณรงค์เดช กล่าวทิ้งท้าย