โซลาร์ตรอน ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงานปี 66 โตแกร่ง พร้อมแตกไลน์ธุรกิจพลังงานทางเลือกที่ไม่ใช่พลังงานจากแสงอาทิตย์ ผู้บริหารมั่นใจรายได้โต 15-20% ตามนัด เผยอยู่ระหว่างรอสรุปงานโปรเจกต์ EPC ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท ปลายปีนี้ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตร เพิ่มโอกาสคว้างานใหม่ มั่นใจปี 67 ผลงานเทิร์นอะราวนด์
นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) (SOLAR) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบต่างๆ และให้บริการออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ทุกรูปแบบ ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อน เนื่องจากบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้รับงานโครงการใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนอาคารในรูปแบบ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) ให้ลูกค้า เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีสัญญากำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 9 เมกะวัตต์ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Cal-Comp) มีสัญญากำลังการผลิตติดตั้ง 4.9-5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเริ่มขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567
นอกจากนี้ ยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำลังการผลิตรวม 9 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้บริษัท สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ขณะเดียวกัน ยังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจพลังงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่พลังงานจากแสงอาทิตย์ เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม เป็นต้น คาดว่าในช่วงต้นปี 2567 จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น
ในส่วนธุรกิจ EPC ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีจากการคว้างานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีการให้บริการในรูปแบบ EPC ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้วมากกว่า 250 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ EPC เพื่อเพิ่มโอกาสความสามารถในการคว้างานใหม่ได้มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญางานขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 900 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาว่าจ้างได้ภายในปีนี้
“บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อธุรกิจเดิม และแตกไลน์สู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% และมั่นใจว่าในปี 2567 จะกลับมาเทิร์นอะราวนด์ตามแผนงานที่วางไว้” นายสิทธิชัย กล่าว